พระเวสสันดรเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียกต่างๆกันเช่นหน่อพระชินศรีโมลีโลกสมเด็จพระบรมนราพิสุทธิ์พุทธางกูรพระบรมราชพุทธพงศ์หน่อพระชินศรีสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์บรมนราธิบดินทร์ปิ่นสกลอาณาจักรจอมพิภพสีพี สมเด็จพระบาทบรมบพิตรพิชิตโมลีหน่อพระพิชิตมารสมเด็จพระวิสุทธิพงศ์ภูวนาถสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์บุรุษรัตนพิเศษเพสสันดรสมเด็จพระปุริโสดมบรมโพธิสัตว์ สมเด็จพระมหาวิสุทธิสมมุติเทพพงศ์สมเด็จพระบรมหน่อนรารัตน์ภิเษกสมเด็จพระบรมปิ่นเกล้าเจ้าธรณีธรรมมิกธิเบศพระราชฤาษีสีวีวรนเรศเวสสันดรบพิตรพุทธพงศ์ทิชากรสมเด็จบรมบาทบพิตรพิชิตพิชัยเฉลิมชาวเชตุดรราชธานีองค์สมเด็จพระชินวงศ์วรราชพระบรมราชฤาษีพระมหาบุรุษราชชาติอาชาไนยเชื้อชินวงศ์สมเด็จพระราชสมภารสมเด็จพระมิ่งโมลีโลกุตมาภิเษกเอกอัครมกุฎวิสุทธิสรรเพชญพงศ์สมเด็จพระบรมหน่อสรรเพชญสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ศรีวิสุทธิเทพวงศ์ พระบรมหน่อสรรเพชญโพธิพงศ์ สมเด็จบรมขัตติยาธิบดินทร์อสัมภินวงศ์เวสสันดรมหาราชเป็นต้น
พระเวสสันดรเป็นพระโอรสของพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดีแห่งเมืองสีพีมีอุปนิสัยและพฤติกรรมที่สำคัญคือการบริจาคทานพระราชกุมารเวสสันดรทรงบริจาคทานตั้งแต่เกิดครั้นพระชนมายุได้๔-๕ชันษาทรงปลดปิ่นทองคำและเครื่องประดับเงินทองแก้วเพชรให้แก่นางสนมกำนัลทั่วทุกคนถึง๙ครั้งเพื่อมุ่งหวังพระโพธิญาณในภายภาคหน้าครั้นเจริญชันษาได้๘ปีก็ทรงตั้งจิตอธิษฐานว่าจะบริจาคเลือดเนื้อและดวงหทัยเพื่อมุ่งพระโพธิญาณในกาลข้างหน้าอย่างแน่วแน่
เมื่อมีพระชนมายุ๑๖พรรษาก็แตกฉานในศิลปวิทยา๑๘แขนงได้เสวยราชสมบัติและอภิเษกกับพระมัทรีตระกูลมาตุลราชวงศ์มีพระราชโอรสและพระราชธิดาคือพระชาลีกุมารและพระกัณหากุมารีพระองค์ยินดีในการให้ทานได้ตั้งโรงทานถึง๖แห่งในพระนครและเสด็จออกทอดพระเนตรการให้ทานอยู่เป็นเนืองนิจ
ครั้งหนึ่งทูตของกลิงคราษฎร์มาทูลขอช้างปัจจัยนาเคนทร์ช้างเผือกคู่บารมีซึ่งเป็นช้างมงคลถ้าไปอยู่ที่ใดที่นั่นฝนจะตกต้องตามฤดูกาลพระองค์ก็ทรงบริจาคให้ชาวเมืองสีพีพากันโกรธเคืองต่างมาชุมนุมกันที่หน้าพระลานร้องทุกข์ต่อพระเจ้ากรุงสญชัยว่า พระเวสสันดรยกพระยาคชสารคู่บ้านคู่เมืองให้คนอื่นผิดราชประเพณีเกรงว่าต่อไปภายหน้าอาจยกเมืองให้คนอื่นก็ได้ขอให้เนรเทศพระเวสสันดรออกไปเสียจากเมืองพระเจ้ากรุงสญชัยมิรู้จะทำประการใดจึงต้องยอมทำตามคำเรียกร้องของประชาชน
ก่อนที่พระเวสสันดรพระนางมัทรีพระชาลีและพระกัณหาจะเดินทางก็ได้บริจาคสัตตสดกมหาทานคือการให้ทานช้างม้าโคนมรถม้านารีทาสทาสีรวม๗สิ่งสิ่งละ๗๐๐แล้วทรงรถเทียมม้าเสด็จออกนอกเมืองระหว่างทางมีพราหมณ์มาดักรอขอราชรถพระเวสสันดรก็บริจาคให้แล้วทุกพระองค์ก็เสด็จโดยพระบาทเดินทางมุ่งเข้าป่าจนกระทั่งถึงสระบัวใหญ่เชิงเขาวงกตซึ่งเทวดาเนรมิตไว้แล้วผนวชเป็นฤาษีบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่นั่น
เมื่อพระเวสสันดรบำเพ็ญพรตอยู่ที่เขาวงกตชูชกได้เดินทางไปขอสองกุมารไปเป็นทาสีพระเวสสันดรก็ทรงบริจาคให้พระอินทร์แปลงเป็นพราหมณ์ไปทูลขอพระมัทรีก็ทรงบริจาคให้ซึ่งนอกจากจะทรงบริจาคทานที่แสดงถึงการเสียสละอันเป็นพฤติกรรมสำคัญในเรื่องแล้วพระองค์ยังมีความเมตตามีความมานะอดทนต่อความยากลำบากต่างๆในที่สุดพระเจ้ากรุงสญชัยพระนางผุสดีพระชาลีและพระกัณหาก็เสด็จยกกองทัพมารับพระเวสสันดรและพระมัทรีกลับไปครอบครองบ้านเมืองดังเดิม
การที่พระเวสสันดรบำเพ็ญบารมีโดยการบริจาคทานอยู่เป็นนิจแสดงถึงความเป็นผู้มีจิตใจดีงามมีความเมตตากรุณาและการอดทนอดกลั้นอารมณ์โกรธได้ซึ่งส่งผลดีต่อตนเองคือทำให้ไม่ว้าวุ่นใจแต่ถึงอย่างไรพระองค์ก็ยังคงมีความปรารถนาเหมือนกับบุคคลทั่วไปเช่นกัน
ตัวอย่างของความเป็นผู้มีจิตใจงดงามเปี่ยมด้วยเมตตาได้แก่การเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมุ่งมั่นบริจาคทานทั้งทรัพย์สิ่งของมีค่าแม้กระทั่งบุตรภรรยาและชีวิตหากมีผู้ใดต้องการด้วยปรารถนาพระโพธิญาณในภายภาคหน้าดังจะเห็นได้จากพฤติกรรมของพระองค์ตั้งแต่ประสูติจนถึงคราวถูกเนรเทศก็มิได้ทรงหยุดหย่อนในการบริจาคทานเช่น
- “หน่อพระชินศรีโมลีโลก พระทัยนั้นปรารถนาจะข้ามโอฆสงสาร มิได้ย่อหย่อนที่จะบริจาคมหาทาน เมื่อชนมานได้สี่ห้าพระวรรษา โอมุญจิตวา จึ่งเปลื้องเครื่องปิลันธนาออกจากพระองค์ทรงประสาทให้แก่พระนมกำนัลในถ้วนหน้าสิ้นวาระเก้าครั้ง ด้วยพระหฤทัยท้าวเธอหวังพระโพธิญาณในอนาคตกาล นั้นแล
- ทานํ ปวตเตสิ ท้าวเธอก็เปรมปรีดิ์ที่จะบริจาคทานมิได้ขาด จึ่งให้อำมาตย์ทำ ฉทานศาลา ทานํ ปวตเตตวา ให้จัดแจงทั้งเงินทองเสื้อผ้า ราชวัตถาศุภาภรณ์พรรณแพรม้วนมุ้งม่าน สรรพภัณฑ์เครื่องดีอันมีค่า ตามแต่จะปรารถนาแล้วยกให้ แก่ยาจกเข็ญใจทุกถ้วนหน้า ท้าวเธอทรงพระราชศรัทธามิรู้สิ้น ดุจพื้นพระธรณินทร์อันหนาหนัก เป็นที่บำรุงรักแก่ไพร่ฟ้า
- กํเม พาหิรกํ ธนํ อย่าว่าแต่เศวตคชาพาหิรกทานอันยอดยากที่จะยกให้ ถ้ามียาจกผู้ใดๆจะปรารถนาซึ่งพาหาหฤทัยนัยน์เนตรทั้งคู่ เราก็อาจจะเชือดชูออกบริจาคให้เป็นทาน จะแลกพระโพธิญาณในเบื้องหน้า อย่าว่าแต่จะต้องบัพพาชนียกรรมทำโทษ ถึงไพร่ฟ้าเขาจะพิโรธรอนรานประหารชีวิต เราก็มิได้คิดย่อท้อที่จะบำเพ็ญทาน
ตัวอย่างของการไม่ยึดติดกับอำนาจวาสนาและทรัพย์สมบัติยอมรับผิดในสิ่งที่กระทำแม้พระองค์จะถูกเนรเทศก็มิได้เหนี่ยวรั้งพระนางมัทรีเอาไว้ทรงอนุญาตให้อภิเษกกับชายอื่นที่มาสู่ขอได้ตามใจ
ตัวอย่างของความมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลมสามารถคลี่คลายปัญหาได้โดยแยบคายสังเกตได้จากพฤติกรรมดังนี้
- ทำนายฝันให้แก่พระนางมัทรีเพื่อมิให้มีความวิตกบังเกิดขึ้นกับพระนางซึ่งจะเป็นการขัดขวางการบริจาคปิยบุตรทานบารมี
แม้นอาตมะจะทำนายทางบุพนิมิตแต่ตามจริงไหนนางจะทอดทิ้งพระลูกเล่าด้วยอาลัยก็จะเป็นพาหิรกภัยแก่โพธิญาณจำจะทำนายด้วยโวหารให้เหตุหาย
- ตั้งค่าไถ่ตัวพระกัณหาชาลีไว้สูงเพื่อมีเพียงพระราชอัยกาอัยกีเท่านั้นที่จะสามารถไถ่ตัวทั้งสองพระองค์ได้
- เมื่อพระนางกลับมาแล้วไม่เห็นสองกุมารพระองค์ก็นำอุบายหึงหวงมาใช้เพื่อหักความเศร้าโศกลง
“อถมหาสตโตสมเด็จพระราชสมภารเมื่อได้สดับสารพระมัทรีเธอแสนวิโยคโศกศัลย์สุดกำลังถึงแม้นจะมิตรัสแก่นางมั่งจะมิเป็นการจำจะเอาโวหารการหึงเข้ามาหักโศกให้เสื่อมลง
ตัวอย่างของการตั้งตนอยู่ในอุเบกขามีความอดทนอดกลั้นแม้ชูชกจะโบยตีสองกุมารต่อหน้าพระที่นั่งพระองค์ก็สามารถระงับอารมณ์ขึ้งโกรธนั้นได้เช่น
“ดูกร มหาเวสสันดร อย่าอาวรณ์โว้เว้ทำเนาเขา ข้ากับเจ้าเขาจะตีกันไม่ต้องการ ให้ลูกเป็นทานแล้วยังมาสอดแคล้วเมื่อภายหลัง ท้าวเธอก็ตั้งพระสมาธิระงับดับพระวิโยค กลั้นพระโศกสงบแล้ว พระพักตร์ก็ผ่องแผ้วแจ่มใส”ดังนี้
พระเวสสันดรทรงตั้งตนอยู่ในทศพิธราชธรรมตลอดพระชนมชีพและบำเพ็ญปัญจมหาบริจาคครบ๕ประการตามความปรารถนาทุกประการ
-----------------------------------
พระนางมัทรีเป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียกต่างๆกันเช่นพระสุณิสาศรีสะใภ้นางแก้วกัลยาณีพระยอดเยาวอนงค์องค์อัคเรศราชนารีองค์สมเด็จพระชนนีศรีสุนทรราชสุณิสาพระยุพยงเยาวดีเป็นต้น
พระนางมัทรีเป็นพระราชธิดาแห่งกษัตริย์มัทราชอภิเษกสมรสกับพระเวสสันดรมีพระโอรสชื่อพระชาลีและมีพระธิดาชื่อพระกัณหาพระนางตามเสด็จพระเวสสันดรไปยังเขาวงกตแม้จะถูกพระเจ้ากรุงสญชัยทัดทานแต่ด้วยความจงรักภักดีต่อพระสวามีพระนางก็ไม่ทรงยินยอม
เมื่อพระนางมัทรีตามเสด็จไปเขาวงกตพระนางได้ปฏิบัติต่อพระสวามีและสองกุมารคือลุกขึ้นแต่เช้ากวาดพื้นบริเวณอาศรมตั้งน้ำดื่มจัดน้ำสรงพระพักตร์จัดสถานที่ให้เป็นระเบียบและเข้าป่าหาผลไม้ทุกวันพระนางได้ปรนนิบัติรับใช้และทำตามหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
พระนางมัทรีเป็นแบบฉบับของนางในวรรณคดีที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติต่างๆทั้งการเป็นแม่ที่ประเสริฐของลูก และการเป็นภรรยาที่ดีของสามีคือมีความอ่อนน้อมนอบน้อมและอดทนเป็นภรรยาแม่แบบผู้มีลักษณะเป็นกัลยาณมิตรของสามีสนับสนุนเป้าหมายชีวิตอันประเสริฐที่พระสวามีได้ตั้งไว้ เป็นแบบอย่างของภรรยาตามทัศนะของคนตะวันออกเช่นปฏิบัติดูแลเรื่องข้าวปลาอาหารและมีคุณธรรมสำคัญคือซื่อตรงจงรักและหนักแน่นต่อสามี
พระนางมีความนับถือเชื่อฟังและจงรักภักดีเมื่อพระเวสสันดรกล่าวเชิงบริภาษพระนางพระนางก็ทูลชี้แจง
แม้พระเวสสันดรแกล้งบริภาษเชิงหึงพระนางมัทรีก็โต้ตอบด้วยถ้อยคำนิ่มนวลกล่าวชี้แจงความบริสุทธิ์และทูลขอประทานโทษต่อสามีแสดงถึงความมีวัฒนธรรมและจริยวัตรอันงดงามของนางกษัตริย์มิได้ใช้ถ้อยคำรุนแรงผิดกุลสตรีและผิดธรรมเนียมแบบอย่างของภรรยาที่ดีแม้เมื่อพระเวสสันดรประทานสองกุมารแก่ชูชกเป็นบุตรทานพระนางมัทรีก็พลอยอนุโมทนาด้วยแสดงถึงความดีงามของพระนางที่ทรงมีน้ำพระทัยศรัทธาในการบริจาคทานเช่นเดียวกับพระเวสสันดร
เมื่อพระอินทร์แปลงเป็นพราหมณ์มาทูลขอพระมัทรีต่อพระเวสสันดรและพระเวสสันดรพระราชทานให้พระนางก็อยู่ในพระอาการปกติเพราะทรงเชื่อพระทัยว่าพระเวสสันดรทรงเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทรงยอมตามพระราชอัธยาศัยและที่สุดพระอินทร์ก็ทรงคืนพระนางต่อพระเวสสันดรดังเดิม
เมื่อกองทัพของพระเจ้ากรุงสญชัยไปถึงสระมุจลินท์พระเวสสันดรคาดว่าเป็นกองทัพของศัตรูจะตามมาทำร้ายแต่พระมัทรีทรงสังเกตทราบว่าเป็นกองทัพของพระเจ้ากรุงสญชัยและทูลให้พระเวสสันดรทราบ
พระนางมัทรีรักและเลี้ยงดูลูกด้วยความทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่และให้ความอบอุ่นแก่ลูกเมื่อพระนางมัทรีพลัดพรากจากสองกุมารก็เที่ยวค้นหาพระลูกรักแต่ไม่พานพบได้แสดงถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูก
พระนางมัทรีกลับชาติมาเกิดคือพระนางยโสธราพิมพาพระมารดาพระราหุล
------------------------------------------
๓. พระชาลี
พระชาลีเป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียกต่างๆเช่นพ่อสายใจพ่อหน่อน้อยภาคิไนยนาถเป็นต้น
พระชาลีเป็นพระราชโอรสของพระเวสสันดรกับพระนางมัทรีเป็นพระเชษฐาของพระกัณหาพระนัดดาของพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดีเมื่อเวลาประสูติพระประยูรญาติได้ทรงนำตาข่ายทองมารองรับจึงได้รับพระราชทานนามว่าชาลีแปลว่าผู้มีตาข่าย
เมื่อพระเวสสันดรทรงถูกเนรเทศออกจากเมืองพระกัณหาและพระชาลีได้โดยเสด็จด้วยขณะที่ชูชกไปทูลขอพระกุมารทั้งสอง ชูชกได้ขู่พระกุมารตั้งแต่แรกเห็นพระกุมารทั้งสองจึงเกรงกลัวชูชกมากครั้นทรงทราบว่าพระบิดาประทานพระองค์ให้แก่ชูชกจึงหนีไปซ่อนองค์ในสระบัวเมื่อพระบิดาตรัสเรียกพระชาลีก็ขึ้นจากสระโดยคิดว่าจักให้พระบิดาเรียกถึงสองครั้งมิบังควร
ชูชกนำพระกุมารทั้งสองออกจากเขาวงกตรอนแรมมาได้ประมาณ๖๐โยชน์ครั้นตกกลางคืนก็เอาเถาวัลย์ผูกพระกุมารไว้ส่วนชูชกขึ้นไปนอนบนคาคบไม้ตลอดทางเทวดาก็ช่วยบำรุงรักษามิให้มีอันตรายมาแผ้วพานและดลใจให้ชูชกเดินทางไปทางกรุงสีพี ได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสญชัยเมื่อชูชกกราบทูลว่าพระเวสสันดรทรงประทานพระโอรสและพระธิดาให้หมู่อำมาตย์ก็พากันติเตียนพระเวสสันดรว่าน้ำพระทัยดีเกินไปเมื่อประทับในเมืองก็พระราชทานช้างแก้วครั้นประทับณเขาวงกตก็ประทานโอรสธิดาอีก
พระชาลีแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระบิดาทรงแก้ข้อกล่าวหาของเหล่าอำมาตย์ที่ดูหมิ่นพระเวสสันดรในการบริจาคทานพระราชกุมารทั้งสอง
พระชาลีทรงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและมีคารมคมคายเมื่อพระเจ้ากรุงสญชัยตรัสเรียกให้มาประทับร่วมพระอาสน์พระชาลีกราบทูลว่าเป็นข้าของชูชกมิบังอาจไปใกล้ชิดได้ด้วยเกรงว่าพระองค์จะมัวหมอง
พระเจ้ากรุงสญชัยเมื่อได้ยินคำตัดพ้อของพระชาลีจึงทรงไถ่ถอนให้พ้นจากการเป็นทาสและยังพระราชทานปราสาท๗ชั้นให้แก่ชูชกอีกด้วยและรับสั่งให้จัดพิธีสมโภชรับขวัญพระกุมารทั้งสอง
เมื่อพระเจ้ากรุงสญชัยตรัสถามถึงพระเวสสันดรและพระมัทรีพระชาลีก็กราบทูลถึงความทุกข์ที่ทั้งสองพระองค์ทรงได้รับและตัดพ้อพระอัยกาว่าพระโอรสพระองค์ยังไม่ทรงรักจะมารักพระนัดดาได้อย่างไรพระเจ้ากรุงสญชัยจึงตรัสขอโทษพระชาลีและทรงยอมรับว่าเป็นความผิดของพระองค์เองที่ทรงเชื่อผู้อื่นขับไล่พระเวสสันดรไปและรับสั่งให้พระชาลีไปทูลเชิญเสด็จกลับพระนครพระชาลีกราบทูลว่าพระองค์ยังเป็นพระกุมารคำกล่าวจะไม่มีน้ำหนักพระเวสสันดรอาจจะไม่ทรงเชื่อและไม่เสด็จกลับพระนครพระเจ้ากรุงสญชัยจึงเสด็จไปรับพระเวสสันดรยังเขาวงกตโดยมีพระชาลีทรงช้างปัจจัยนาคที่พรามหณ์เมืองกลิงคราษฎร์นำมาถวายคืน
พระชาลีทรงมีสถานะเป็นพระโอรสของพระเวสสันดรทรงมีความกตัญญูเป็นเลิศทรงยอมเป็นบุตรทานให้พระบิดาทรงบริจาคแก่ชูชกเพื่อให้พระบิดาได้สำเร็จพระโพธิญาณค้นพบทางหลุดพ้นจากสังสารวัฏและเมื่ออำมาตย์กล่าวดูแคลนพระบิดาก็ทรงแก้ต่างแทนพระบิดาให้อำมาตย์เหล่านั้นได้เห็นกระจ่างถึงความจริงในตัวพระบิดาแสดงให้เห็นถึงความกตัญญูรู้คุณบุพการีของพระชาลีที่ไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นบิดามารดาของตนในทางที่ไม่เป็นจริงเป็นผู้ที่สามารถประพฤติตนได้เหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่และรู้จักกาลรู้ว่าเวลาไหนควรปฏิบัติตนอย่างไรเป็นต้น
พระชาลีกลับชาติมาเป็นพระราหุลเป็นสามเณรรูปแรกของพุทธศาสนาเมื่อบวชเป็นภิกษุแล้วบำเพ็ญเพียรจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้ใคร่ในการศึกษาท่านนิพพานก่อนพระพุทธองค์ก่อนพระสารีบุตรก่อนพระโมคคัลลานะดับขันธปรินิพพานที่บัณทุกัมพลศิลาอาสน์ณดาวดึงส์เทวโลก
-------------------------------------------
๔. พระกัณหา
พระกัณหาหรือกัณหาชินาเป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกเป็นพระธิดาของพระเวสสันดรและพระนางมัทรีเป็นพระนัดดาของพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดีและเป็นพระกนิษฐาของพระชาลี
พระกัณหาเป็นผู้หนึ่งที่ทำให้พระเวสสันดรได้บำเพ็ญบุตรทานบารมีซึ่งเป็นทานอันยิ่งใหญ่ที่มนุษย์ทั้งหลายไม่สามารถทำได้นอกจากมหาบุรุษผู้ทรงหวังพระโพธิญาณเท่านั้นดังที่พระเวสสันดรทรงตรัสว่า
“พระลูกเอ๋ย เจ้าไม่รู้หรือพระบิตุรงค์บรรจงรักพระโพธิญาณ หวังจะยังสัตว์ให้ข้ามห้วงมหรรณพภพสงสารให้ถึงฟาก เป็นเยี่ยงอย่างยอดยากที่จะข้ามได้”
พระกัณหาเป็นผู้ที่มีความกตัญญูเชื่อฟังคำสั่งสอนและมีความเฉลียวฉลาดได้ติดตามพระเวสสันดรและพระมัทรีไปยังเขาวงกตเมื่อถูกยกให้แก่ชูชกก็หาทางหลบหนีเช่น
“สองเจ้าก็วิ่งวนถึงมงคลสระศรี สองกุมารกุมารีทรงผ้าคากรองเข้าให้มั่นคง แล้วเสียรอยถอยหลังลงสู่สระศรี เอาวารีมาบังองค์ เอาใบบุษบงมาบังพระเกศ หวังจะซ่อนพระบิตุเรศกับพราหมณ์ด้วยความกลัว อยู่ในสระบัว นั้นแล”
“…ไยเจ้าไม่องอาจยอมย่อท้อทิ้งพระบิดา ให้พราหมณ์มันจ้วงจาบหยาบช้าเจ้าเห็นชอบอยู่แล้วหรือหนาพ่อสายใจ…”
ทั้งสองกุมารก็ขึ้นจากสระมาแต่โดยดี
พระกัณหาเป็นผู้ว่าง่ายถึงคนคนนั้นจะดีหรือไม่ดีต่อตนก็ตามก็ยังเชื่อฟังคำสั่งโดยไม่ขัดขืนและยังมีน้ำใจคอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอเป็นผู้ที่เข้าใจในเจตนาของพระเวสสันดรที่เสียสละเพื่อประโยชน์ของชนหมู่มากแม้การเสียสละนั้นจะทำให้ตนเองลำบากก็พร้อมที่จะเข้าใจเหตุผลความจำเป็นที่ตนต้องเสียสละพระนางกัณหากลับชาติมาเป็นพระอุบลวรรณาเถรีชำนาญในการแสดงฤทธิ์ต่างๆได้รับตำแหน่งในทางเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายในฝ่ายผู้มีฤทธิ์และเป็นอัครสาวิกาฝ่ายซ้าย
--------------------------------
ท้าวสักกเทวราช เป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก
เป็นพระราชสวามีของพระนางผุสดีขณะสถิตอยู่ณสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีนามเรียกต่างๆเช่นโกสีย์อมรินทร์ศักรินทร์วัชรินทร์เทวราชจอมสิเนรุราชตรีเนตรเทวราชสุราธิบดีพัชรินทรเทวราชมัฆวานสมเด็จบรมสุราฤทธิ์ เทวราชสุราธิบดีเพชรปาณี ทิพยจักษุเทเวศร์ท้าวพันตาสหัสจักษุเทเวศร์สหัสนัยน์สหัสเนตรสหัสภานุมาศสุชัมบดีเป็นต้น
ท้าวสักกเทวราชหรือพระอินทร์เป็นตัวละครที่เป็นตัวเชื่อมเหตุการณ์ต่างๆภายในเรื่องมหาเวสสันดรชาดกให้เนื้อหามีความต่อเนื่องกันคอยช่วยแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงไปได้ด้วยดีและยังเป็นผู้ดลบันดาลให้ตัวละครต่างๆได้มาพบกันด้วย
บทบาทของท้าวสักกเทวราชมีอยู่ในเรื่องเวสสันดรชาดกเกือบทุกกัณฑ์ตั้งแต่
กัณฑ์ทศพรพระนางผุสดีจะจุติจากสวรรค์ได้ขอประทานพร๑๐ประการ
กัณฑ์หิมพานต์ทรงรำพึงถึงพระพรที่ประสาทให้แก่พระนางผุสดีว่าพระพรทั้งเก้าก็ได้สำเร็จยังแต่พระลูกแก้วที่พระนางปรารถนาพระองค์ก็เห็นควรจะประสิทธิ์ให้
กัณฑ์วนประเวศน์ทรงสั่งให้พระเวสสุกรรมเทพบุตรมานิมิตบรรณศาลา๒หลังที่จงกรม๒หลังกับที่พักกลางวันและกลางคืนพร้อมด้วยเครื่องบรรพชิตบริขารทุกประการ
กัณฑ์มัทรีทรงสั่งให้เทวดาจำแลงเป็นสัตว์ร้าย๓ชนิดนอนขวางทางพระนางมัทรีไม่ให้เสด็จตามไปทันสองกุมาร
กัณฑ์สักกบรรพนิรมิตองค์เป็นพราหมณ์เข้าไปทูลขอพระมัทรีเพื่อว่าเมื่อประทานให้แล้ว
จะถวายคืนให้พระนางได้อยู่ปฏิบัติรับใช้ต่อไป
กัณฑ์ฉกษัตริย์หกกษัตริย์ทรงกันแสงจนสลบไปทรงบันดาลให้ฝนโบกขรพรรษตกลงมาหกกษัตริย์ต่างก็ฟื้นคืนสมปฤดี
พระอินทร์เป็นเทพที่มีจิตใจดีมีความเมตตากรุณาเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมชอบช่วยเหลือคนดีมีคุณธรรมที่กำลังตกทุกข์ได้ยากและทรงเป็นผู้มองการณ์ไกลทรงเล็งเห็นว่าพระเวสสันดรมีจิตปรารถนาพระโพธิญาณในอนาคตกาลจึงทรงคอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้พระเวสสันดรทรงสมปรารถนาอยู่เสมอ
ตัวอย่างของความมีจิตใจดีมีเมตตากรุณาเช่นในกัณฑ์ทศพรและกัณฑ์หิมพานต์ทรงเมตตาประทานพร๑๐ประการให้ตามที่พระนางผุสดีขอและยังพรนั้นให้สำเร็จตามที่พระนางปรารถนาส่วนในกัณฑ์ฉกษัตริย์ก็ทรงบันดาลฝนโบกขรพรรษให้ตกลงมาประพรมให้กษัตริย์ทั้งหกฟื้นคืนสมปฤดี
ความเป็นเทพที่คอยปกป้องคุ้มครองคอยช่วยเหลือบุคคลที่ทำแต่ความดีที่เดือดร้อนในโลกมนุษย์เช่นในกัณฑ์วนประเวศน์ได้ช่วยเหลือพระเวสสันดรพระนางมัทรีพระกัณหาและพระชาลีในระหว่างเดินทางไปยังเขาวงกตและเมื่อเสด็จถึงเขาวงกตก็พบพระอาศรมที่ได้ให้พระวิศนุกรรมมาเนรมิตไว้ให้
ความเป็นเทพที่มีความคิดละเอียดรอบคอบเช่นสั่งให้เทวดาจำแลงเป็นสัตว์ร้าย๓ชนิดคือราชสีห์เสือเหลืองและเสือโคร่งนอนขวางทางพระนางมัทรีเพื่อไม่ให้พระนางตามไปขัดขวางการบริจาคปุตตทานของพระเวสสันดรได้ในกัณฑ์มัทรีและในกัณฑ์สักกบรรพพระองค์ก็ทรงเกรงว่าจะมีผู้อื่นมาขอพระนางมัทรีจึงแปลงองค์เป็นพราหมณ์มาทูลขอพระนางเสียก่อนเมื่อพระเวสสันดรประทานให้พระอินทร์ทรงอนุโมทนาแล้วก็ถวายคืนพร้อมทั้งแสดงองค์ให้ปรากฏและพระราชทานพร๘ประการแก่พระเวสสันดรด้วยรวมความว่าพระอินทร์คอยช่วยเหลือพระเวสสันดรตลอดเรื่องเช่นไม่ให้พระเวสสันดรวิบัติไม่ให้พระเวสสันดรขัดข้องไม่ให้พระเวสสันดรต้องกังวลให้พระเวสสันดรบรรลุผลดังปรารถนา
ท้าวสักกเทวราชกลับชาติมาเกิดเป็นพระอนุรุทรเถระเป็นผู้ไม่รู้จักคำว่าไม่มีและไม่ได้บวชด้วยศรัทธาแต่บวชเพราะเกรงใจเมื่อสำเร็จเป็นพระอรหัต์แล้วได้รับยกย่องว่าเป็นเอตคัคคะทางผู้มีทิพยจักษุญาณเป็นปฐมเหตุประเพณีทอดผ้าบังสุกุลหรือทอดผ้าป่านิพพานณภายใต้ร่มกอไผ่ในหมู่บ้านเวฬุวะแคว้นวัชชี
------------------------------
พระนางผุสดีเป็นตัวละครอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกเดิมเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าพันธุมราชชื่อสุธัมมา ต่อมาได้บังเกิดเป็นอัครมเหสีของสมเด็จพระอมรินทราธิราชชื่อผุสดีเมื่อจุติจากสวรรค์ได้ถือกำเนิดเป็นพระราชธิดาของพระเจ้ามัททราชครั้นเจริญวัยก็ได้อภิเษกเป็นอัครมเหสีของพระเจ้ากรุงสญชัยและเป็นพระมารดาของพระเวสสันดร
พระนางผุสดีธิดากษัตริย์มัททราชมเหสีของพระเจ้ากรุงสญชัยแห่งกรุงสีพีราษฎร์และพระมารดาของพระเวสสันดรนั้นเมื่อเสวยพระชาติเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าพันธุมราชแห่งพันธุมดีนครทรงได้รับพระราชทานแก่นจันทน์แดงจากพระราชบิดาจึงได้นำไปบดใส่ผอบทองและถวายแด่พระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมทั้งอธิษฐานว่าขอให้ได้เป็นพุทธมารดาในอนาคตด้วยกุศลผลบุญนี้ทำให้พระนางได้ไปบังเกิดบนสวรรค์เป็นพระมเหสีของพระอินทร์ครั้นเมื่อถึงกำหนดจะจุติจากสวรรค์ก็ได้รับพระราชทานพร๑๐ประการจากพระอินทร์ด้วย
พระนางผุสดีมีอุปนิสัยรักสวยรักงามเช่นในพรที่ขอจากพระอินทร์ส่วนมากก็จะยึดติดกับรูปกายภายนอกเช่นขอให้ดวงเนตรทั้งสองมีสีดำประดุจดวงตาลูกเนื้อทรายขอให้มีพระขนงเขียวดุจสร้อยคอนกยูงขออย่าให้มีพระครรภ์ปรากฏนูนดังสตรีสามัญขออย่าให้พระถันทั้งคู่ดำในเวลาทรงครรภ์และเมื่อประสูติแล้วขออย่าให้หย่อนยานขอให้เส้นพระเกศเป็นมันดุจสีปีกแมลงค่อมทองและขอให้พระฉวีละเอียดดุจดังทองคำธรรมชาติส่วนในข้อที่แสดงว่าพระนางเป็นผู้มีความเมตตากรุณาก็คือได้ขอพระราชทานพรให้ทรงมีอำนาจปลดปล่อยนักโทษประหารชีวิตให้พ้นโทษและในข้อที่แสดงความยึดมั่นในตำแหน่งฐานะก็คือขอให้ได้ประทับในปราสาทพระเจ้าสีวีราช
พระนางผุสดีในฐานะพระราชมารดาทรงเป็นแม่ที่รักลูกห่วงใยลูกเมื่อลูกมีปัญหาก็รีบหาทางช่วยแก้ไขแต่ในฐานะของผู้ปกครองประเทศก็จะออกเดินทางไปเยี่ยมเยือนประชาชนดูแลทุกข์สุขของประชาชนและประทานเงินทองให้แก่ราษฎรส่วนในฐานะของพระอัครมเหสีก็สามารถเป็นที่ปรึกษาของพระเจ้ากรุงสญชัยได้เป็นอย่างดี
พระนางผุสดีกลับชาติมาเกิดเป็นพระนางสิริมหามายา
------------------------------------
พระเจ้ากรุงสญชัยเป็นตัวละครอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียกต่างๆกันเช่นสมเด็จพระบรมกษัตริย์พระปิ่นเกล้ามกุฎพิภพสีพีสมเด็จพระอัยกาธิบดีศรีสมมุติเทพวงศ์เป็นต้น
พระเจ้ากรุงสญชัยเป็นพระราชาแห่งกรุงสีพีราษฎร์พระราชบิดาของพระเวสสันดรเมื่อพระโอรสมีพระชนมายุสมควรจะสืบราชสมบัติแล้วก็ทรงสละราชสมบัติให้ทรงปกครองต่อไปพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่เห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองมากกว่าประโยชน์ส่วนพระองค์เองทรงเนรเทศพระเวสสันดรออกจากเมืองพร้อมด้วยพระนางมัทรีพระชาลีและพระกัณหาเมื่อชาวเมืองมาร้องทุกข์ว่าพระโอรสทรงกระทำผิดแม้พระมเหสีจะทูลขอร้องประการใดก็มิได้คืนคำทั้งที่ทรงอาลัยรักในพระโอรสแต่ก็ทรงหักพระทัยได้เพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมืองและยังได้ทรงไถ่ตัวพระชาลีและพระกัณหาคืนจากชูชกด้วย
พระเจ้ากรุงสญชัยแม้จะเป็นพระมหากษัตริย์แต่เมื่อทรงทราบว่าพระองค์เป็นผู้ผิดก็หาได้ทรงมีทิฐิไม่ทรงขอโทษพระชาลีซึ่งเป็นพระนัดดา
ตอนรับพระเวสสันดรกลับเข้าเมืองก็ได้ตรัสขอโทษพระเวสสันดร
พระเจ้ากรุงสญชัยกลับชาติมาเป็นพระเจ้าสุทโทธนะ
---------------------------------------
ชูชกเป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกเป็นผู้เกิดในตระกูลพราหมณ์โภวาทิกชาติซึ่งเป็นพราหมณ์พวกที่ถือตนว่ามีกำเนิดสูงกว่าผู้อื่นมักใช้คำว่า“โภ”แปลว่า“ผู้เจริญ” เป็นคำร้องเรียก
แม้ชูชกจะเกิดในตระกูลพราหมณ์ที่ถือตนว่ามีกำเนิดสูงกว่าผู้อื่นแต่ชูชกก็ยากจนเข็ญใจยิ่งต้องเที่ยวขอทานเขาเลี้ยงชีพชูชกมีบ้านอยู่ในหมู่บ้านทุนนวิฐติดกับเมืองกลิงคราษฎร์มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดประกอบด้วยบุรุษโทษ๑๘ประการ
ลักษณะนิสัยของชูชก
๑. มีความตระหนี่เหนียวแน่นขอทานได้มากเท่าไรก็เก็บไว้ไม่ยอมนำไปใช้จ่ายจนได้ถึง๑๐๐กษาปณ์
๒. มีความโลภเที่ยวขอทานจนมีเงินมากมายก็ยังไม่ยอมหยุดเพื่อนำเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนยังคงขอเรื่อยไป
๓. รักและหลงเมียยอมให้นางทุกอย่างเช่น“ทีนี้งานการเจ้าอย่าได้ทำ ทั้งหุงต้มตักตำตามใจเจ้าเถิดนะแม่ ขอแต่ว่ามานั่งให้พี่นี้แลๆพอให้ชื่นใจ พี่ก็จะรับร่ำกระทำไปไม่ละเลย”
แม้รู้ว่าการเดินทางไปเฝ้าพระเวสสันดรนั้นแสนยากลำบากเพียงใด
๔. เป็นคนฉลาดมีเล่ห์เหลี่ยมมากฉลาดทั้งในด้านการพูดและกลอุบาย
- ฉลาดในการพูดเช่นก่อนที่จะทูลขอสองกุมารได้ยกแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาเปรียบกับน้ำพระทัยของพระเวสสันดรเป็นการหว่านล้อมเสียก่อนแล้วจึงทูลขอว่า“เสมือนหนึ่งน้ำพระทัยทูลกระหม่อมแก้ว อันยาจกมาถึงแล้วไม่เลือกหน้า ตามแต่จะปรารถนาทุกยวดยานกาญจนอลงกตรถรัตน อัศวสรรพสารพัดพิพิธโภไคย จนกระทั่งถึงภายในปัญจมหาบริจาค อันเป็นยอดยากยิ่งไม่ท้อถอย ด้วยพระองค์หมายมั่นพระสร้อยสรรเพชฌดาญาณ พระคุณเจ้าเอ่ย ข้าพระราชสมภารนี้เป็นคนจนทุพพลภาพสุดเข็ญ จะหาเช้าได้กินเย็นก็ทั้งยาก ครั้งนี้อุตส่าห์บ่ายบากบุกป่าฝ่าดงพนัสแสนกันดาร หวังจะรับพระราชทานพระชาลีกัณหาไปเป็นทาสทาสี ขอพระองค์ทรงยกยอดปิยบุตรทานบารมีแก่ข้าธชีนี้เถิด”
- ฉลาดในกลอุบายคือเมื่อพบเจตบุตรถูกเจตบุตรขู่จะฆ่าก็แกล้งบอกว่าตนเป็นทูตจากพระเจ้ากรุงสญชัยถือพระราชสารไปยังพระเวสสันดรโดยอ้างกล่องใส่อาหารว่าเป็นกล่องใส่พระราชสารเจตบุตรจึงเข้าช่วยเหลือ
“เข้าประคับประคองแต่ค่อยค่อยพยุพยุงถุงย่าม ได้ยินเสียงกรุกรักก็ทักถามว่าอะไรนั่นเจ้าข้า ตาแกก็กลับกลักพริกกลักงาว่าใส่สาส์นตราพระราชสีห์ เจตบุตรก็ยินดียกขึ้นทูนหัว เฒ่าก็ร้องสำทับว่ารับแต่ค่อยค่อยของมันหนักกลักนี้มิใช่ชั่วอย่าเหวี่ยงวางลงให้ราบ เจตบุตรก็ปูผ้าลงกราบกราบนึกว่าจริง”
๕. มีความละเอียดรอบคอบเมื่อจะจากนางอมิตตดาไปได้หาฟืนตักน้ำและซ่อมบ้านให้เรียบร้อยทั้งยังสั่งสอนนางให้ระวังตัวเกรงจะถูกคนพาลมารังแก
๖. มีความยึดมั่นในพิธีทางไสยศาสตร์เช่น
“เฒ่าก็ยังอมิตตดาดรุเณศ ให้นั่งนิ่งในทักษิณประเทศสืบสายสำเนียน แล้วกระทำประทักษิณวนเวียนวงได้สามรอบ ตามฉบับระบอบไสยศาสตร์เพท ว่าทั้งผู้อยู่ก็จะไม่มีภัยทั้งผู้ไปก็จะไม่มีเหตุ หากจะให้เจริญสุขสวัสดิ์วิเศษทั้งสองข้าง”
ชูชกเป็นตัวอย่างของคนที่ติดอยู่ในกามต้องมาตกระกำลำบากในยามชราเข้าลักษณะว่า“วัวแก่กินหญ้าอ่อน” ในตำราหิโตปเทศกล่าวว่า“ความรู้เป็นพิษเพราะเหตุไม่ใช้ ปราสาทเป็นพิษเพราะคนเข็ญใจ อาหารเป็นพิษเพราะไฟธาตุไม่ย่อย เมียสาวเป็นพิษเพราะผัวแก่” ชูชกแสดงให้เห็นว่าเป็นจริงทุกประการเช่นปราสาทเป็นพิษเพราะคนเข็ญใจเพราะชูชกอยู่บนประสาทได้ไม่ถึงเจ็ดวันก็ตายอาหารเป็นพิษเพราะไฟธาตุไม่ย่อยชูชกกินอาหารจนเกินขนาดทำให้อาหารไม่ย่อยจึงตายเมียสาวเป็นพิษเพราะผัวแก่ชูชกได้ความลำบากก็เพราะนางอมิตดาใช้
--------------------------------
นางอมิตตดาเป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียกต่างกันเช่นอมิตดาอมิตตา และอมิตตตาปนา
ในกัณฑ์ชูชกได้กล่าวถึงนางอมิตตดาว่าเป็นบุตรสาวของพราหมณ์ซึ่งชูชกได้นำเงินไปฝากไว้เป็นเงิน๑๐๐กษาปณ์แต่บิดาของนางได้นำเงินไปใช้จ่ายจนหมดเมื่อชูชกมาทวงจึงต้องจำใจยกนางอมิตตดาให้เป็นภรรยาของชูชก
นางอมิตตดาเป็นคนสวยและขยันในกิจการงานบ้านงานเรือนปรนนิบัติชูชกเยี่ยงภรรยาที่ดีจนเป็นเหตุให้พราหมณ์ในละแวกนั้นโกรธเคืองภรรยาของตนเพราะเห็นว่าภรรยาของตนไม่ดีเท่าอมิตตาบรรดาภรรยาพราหมณ์ทั้งหลายจึงพากันโกรธรุมด่าทอนางอมิตตดาเมื่อกลับมาถึงเรือนแม้ชูชกจะขอทำงานแทนนางนางก็ไม่ยินยอมที่จะใช้สามีได้ขอให้ชูชกไปขอสองกุมารมาเป็นทาสช่วงใช้
นางอมิตตดามีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่เป็นแบบอย่างของลูกที่เชื่อฟังและอยู่ในโอวาทเมื่อต้องไปเป็นภรรยาของเฒ่าชูชกเพราะพ่อแม่ของตนไม่มีเงินใช้หนี้นางก็มิได้ขัดขืนแต่อย่างใด
“ส่วนว่านางอมิตตดานั้นเป็นลูกเหล่าตระกูลไม่เสียชาติ ไม่คิดว่าตัวเป็นสาวได้ผัวแก่แล้วก็เป็นเมียทาส คิดว่าทุกข์ของพ่อแม่กรรมแล้วก็ตามกรรม…”
นางเป็นภรรยาที่ดีปฏิบัติต่อสามีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องและเป็นผู้ที่รักษาประเพณีไม่ยอมให้สามีต้องทำหน้าที่แทนตนตามคตินิยมของคนในยุคนั้น
“…เป็นต้นว่าหาหุงต้มตักตำทุกค่ำเช้าไม่ขวยเขินละอายเพื่อน เวลาเช้าเจ้าก็ทำเวลาค่ำเจ้าก็มิให้เตือนทั้งการเรือนเจ้าก็มิให้ว่า ทั้งฟืนเจ้าก็หักทั้งผักเจ้าก็หาเฝ้าปฏิบัติเฒ่าชราทุกเวลากาล นั้นแล”
ชูชกทั้งรักและหลงนางอมิตตดาเมื่อต้องจากนางเดินทางไปขอสองกุมารจึงซ่อมแซมบ้านให้และสั่งสอนนางอมิตตดาให้อยู่กับบ้านอย่าไปไหนอย่าเที่ยวคบเพื่อนจะเสียตัวผู้ชายชั่วจะหยอกเอินถ้ามีคนมาพูดเกี้ยวก็อย่าได้ต่อคำถ้าผู้ชายเข้ามาใกล้ก็อย่าได้ทักทายเพราะจะรู้ว่าชูชกไม่อยู่
ในขณะเดียวกันนางอมิตดาก็เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองปล่อยชีวิตของตนให้เป็นไปตามกระแสของสังคมจนเกินควรจึงแสดงนิสัยพาลพูดจาไม่สุภาพใจร้ายและข่มขู่สามี
“…ว่ากระไรหาอ้ายเฒ่าจัญไรนี้จะไม่ไปหรือ ทำหน้าเป็นหน้างั่งหง่อยเหงาโง่…”
นางอมิตตดาได้กลับชาติมาเกิดเป็นนางจิญจมาณวิกาถูกแผ่นดินสูบหน้าวัดเชตวันมหาวิหารอยู่บริเวณใกล้ๆกับเทวทัตนั้นเอง
----------------------------------
พระอัจจุตฤาษีเป็นตัวละครอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกบางทีเรียกพระมุนีพระนักสิทธิ์พระสิทธาจารย์โยคีและพระฤาษี
พระอัจจุตฤาษีเป็นผู้บอกทางเข้าเขาวงกตให้ชูชกไปพบพระเวสสันดรโดยหลงกลเฒ่าชูชกที่หลอกลวงว่าเป็นกัลยาณมิตรของพระเวสสันดรจึงนอกจากจะให้ที่พักพิงและต้อนรับชูชกเป็นอย่างดีแล้วยังให้กินผลไม้และบอกทางไปยังอาศรมของพระเวสสันดรด้วย
พระอัจจุตฤาษีเป็นผู้บำเพ็ญเพียรบารมีอย่างเคร่งครัดมีความเมตตากรุณามากเช่นให้ชูชกได้พักผ่อนตามอัธยาศัยให้กินผลไม้ที่ตนเก็บไว้เป็นอาหารและยังให้อาหารสำหรับการเดินทางไปหาพระเวสสันดรจะเห็นได้ว่าพระอัจจุตฤาษีเป็นแบบอย่างของนักธรรมผู้ฉลาดแต่ขาดเฉลียวเพราะเป็นผู้มีเมตตามากจึงถูกลวงได้ง่าย
พระอัจจุตฤาษีกลับชาติมาเป็นพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกฝ่ายขวาได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะว่าผู้เลิศด้วยปัญญาเทศน์โปรดโยมแม่แล้วนิพพาน
----------------------------------
พรานเจตบุตรเป็นตัวละครอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกบางทีเรียกว่าพรานป่าเป็นพรานผู้ชำนาญป่าชาวเจตราษฎร์ที่มีร่างกายกำยำล่ำสันสูงใหญ่หนวดเคราดกวาจาหยาบใจกล้าดุดันและเหี้ยมโหดได้รับมอบหมายจากกษัตริย์เจตราษฎร์ให้ไปคอยรักษาต้นทางเพื่อมิให้ผู้ใดไปรบกวนพระเวสสันดรเช่นชาวสีพีใช้ให้คนมาทำร้ายหรือยาจกติดตามไปขอพระกุมารยกเว้นแต่ทูตของกรุงสีพีหรือผู้รับคำสั่งจากพระเจ้าเจตราษฎร์เท่านั้น
เมื่อชูชกเดินทางไปขอสองกุมารจากพระเวสสันดรจนถึงถิ่นที่พรานเจตบุตรดูแลก็ลวงเจตบุตรว่าชาวสีพีหายโกรธเคืองพระเวสสันดรแล้วพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดีมีพระประสงค์จะพบพระโอรสจึงให้ชูชกเป็นทูตไปเชิญพระเวสสันดรกลับบ้านเมืองพรานเจตบุตรก็ดีใจต้อนรับเลี้ยงดูชูชกเป็นอย่างดีให้พักอาศัยจัดเสบียงอาหารให้และแนะนำทางที่จะไปยังอาศรมของพระอัจจุตฤาษีต้นทางที่จะเข้าสู่อาศรมของพระเวสสันดรเพื่อให้แวะถามถึงหนทางที่จะไปยังเขาวงกตต่อไป
พรานเจตบุตรเป็นแบบอย่างของคนดีแต่ไม่ฉลาดจึงตกเป็นเหยื่อของคนหลอกลวงที่มากไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมอย่างชูชก
พรานเจตบุตรกลับชาติมาคือพระฉันนะเถระ
----------------------------------
พระเจ้ามัททราชเป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกเป็นกษัตริย์ผู้ครองแคว้นมัททราชในเรื่องกล่าวถึงพระเจ้ามัททราชสองพระองค์พระองค์หนึ่งเป็นพระราชบิดาของพระนางผุสดีผู้เป็นมเหสีของพระเจ้าสญชัยและมีพระโอรสพระนามว่าเวสสันดรส่วนอีกพระองค์หนึ่งคือพระราชบิดาของพระมัทรีมเหสีของพระเวสสันดร
พระเจ้ามัททราชที่เป็นพระราชบิดาของพระมัทรีนั้นอาจจะเป็นพระเชษฐาหรือพระอนุชาของพระนางผุสดีก็ได้เพราะในตอนที่กล่าวถึงพระเวสสันดรเมื่ออภิเษกกับพระมัทรีนั้นได้กล่าวไว้ว่า “พระมัทรีเป็นราชธิดาในมาตุลราชวงศ์” คำว่า“มาตุล” อาจหมายถึง“ลุง” หรือ“น้า” (ญาติฝ่ายแม่) ก็ได้
ตอนท้ายของเรื่องมหาเวสสันดรชาดกกล่าวว่า พระเจ้ามัททราช พระราชบิดาของพระมัทรีกลับชาติเป็นพระมหานามศากยราช ซึ่งพระมหานามศากยราชเดิมเป็นราชบุตรพระเจ้าอมิโตทนราชผู้เป็นพระเจ้าอาของพระสิทธัตถะกุมาร
---------------------------------
พระเวสสุกรรมเป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าพระวิสสุกรรมหรือพระวิศณุกรรม
บทบาทและพฤติกรรมในกัณฑ์วนประเวศน์พระวิสสุกรรมเป็นผู้ที่ได้รับคำสั่งจากพระอินทร์ให้มานิรมิตบรรณศาลาไว้๒หลังหลังหนึ่งให้กับพระเวสสันดรอีกหลังหนึ่งให้กับพระนางมัทรีพระกัณหาและพระชาลีพร้อมด้วยเครื่องบรรพชิตบริขารทุกประการแล้วบันดาลให้สัตว์ร้ายและนกอันมีเสียงที่ไม่ไพเราะหนีไปอยู่ที่อื่นและกำชับให้เจ้าป่าดูแลทั้งสี่กษัตริย์เป็นอย่างดี
การวิเคราะห์พระวิสสุกรรมคือเทพบุตรผู้มีคุณธรรมปฏิบัติดีเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของพระอินทร์เป็นแบบอย่างลูกน้องที่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้านายอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่องซึ่งจะเห็นได้จากการที่พระอินทร์สั่งให้พระวิสสุกรรมลงมาเนรมิตอาศรมและคอยดูแลทั้งสี่กษัตริย์พระวิสสุกรรมกลับชาติมาเกิดเป็นพระมหาโมคคัลลานะอัครสาวกเบื้องซ้ายได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางมีฤทธิ์มาก
---------------------------------------
๑๔. ช้างปัจจัยนาค
ช้างปัจจัยนาคเป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกปรากฏในกัณฑ์หิมพานต์กัณฑ์มหาราชและนครกัณฑ์เป็นช้างคู่พระบารมีของพระเวสสันดรมีชื่อเรียกต่างๆกันเช่นช้างปัจจัยนาเคนทร์ช้างต้นมงคลเศวตไอยราเศวตคชาคเชนทรปัจจัย และพระคชินทเรศเศวตคชาพิเชียรพิชัยปัจจัยนาค
ในกัณฑ์หิมพานต์กล่าวถึงเมื่อพระนางผุสดีประชวรพระครรภ์และประสูติพระราชกุมารกลางพระนครณตรอกพ่อค้าโดยได้รับการถวายพระนามว่า“เวสสันดร” ได้มีนางช้างตระกูลฉัททันต์ชื่อ“กเรณุ” พาลูกช้างสีขาวบริสุทธิ์มาไว้ในโรงช้างต้นลูกช้างนี้มีชื่อว่า“ปัจจัยนาค” เป็นช้างแก้วอุดมด้วยมงคลลักษณะอันเลิศยิ่งนักไม่ว่าจะไปยังพื้นที่แห่งใดก็จะบันดาลความอุดมสมบูรณ์มายังพื้นที่นั้นๆขณะนั้นเมืองกลิงคราษฎร์เกิดวิบัติข้าวยากหมากแพงฝนแล้งประชาชนยากแค้นแสนสาหัส แม้ว่าเจ้าเมืองกลิงคราษฎร์จะพยายามบำเพ็ญพิธีกรรมต่างๆเพื่อให้ฝนตกก็ไม่สำเร็จจึงได้ให้พราหมณ์๘คนมาขอพระราชทานช้างปัจจัยนาคพระเวสสันดรก็พระราชทานให้เป็นเหตุให้พระเวสสันดรถูกปัพพาชนียกรรมออกจากเมือง และในกัณฑ์มหาราชกล่าวถึงเมื่อชูชกขอสองพระกุมารจากพระเวสสันดรและพาเดินทางผ่านเข้ามาหน้าพระที่นั่งพระเจ้ากรุงสญชัยพระองค์จึงได้ไถ่พระชาลีและพระกัณหาแล้วรับสั่งให้เตรียมทัพเพื่อไปรับพระเวสสันดรกลับคืนพระนครซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พราหมณ์เมืองกลิงคราษฎร์ทั้ง๘คนได้นำช้างปัจจัยนาเคนทร์มาถวายคืนพระเจ้ากรุงสญชัยจึงให้เป็นช้างทรงของพระชาลีไปยังเขาวงกตและในนครกัณฑ์พระเวสสันดรก็ได้ทรงช้างปัจจัยนาเคนทร์กลับคืนสู่พระนคร
ช้างปัจจัยนาคถือเป็นช้างที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อของชาวเมืองกลิงคราษฎร์เช่นเดียวกับชาวเมืองสีพีคือเมื่อเมืองกลิงคราษฎร์เกิดวิบัติข้าวยากหมากแพงฝนแล้งชาวเมืองยากแค้นไปทั่วเจ้าเมืองกลิงคราษฎร์ก็ได้ให้พราหมณ์๘คนมาขอพระราชทานช้างปัจจัยนาคโดยที่เชื่อว่าไม่ว่าจะขับขี่ไปยังพื้นที่แห่งใดก็จะบันดาลให้ฝนตกลงมาทำให้พื้นที่นั้นอุดมสมบูรณ์ข้าวปลาบริบูรณ์ทันที(คล้ายกับความเชื่อเกี่ยวกับพิธีแห่นางแมวของไทยที่เชื่อว่าทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล) อีกประการหนึ่งช้างปัจจัยนาคเป็นช้างที่มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของจะเห็นได้จากตอนที่กลับมาพบพระเวสสันดรได้แสดงอาการดีใจ
ช้างปัจจัยนาคกลับชาติมาเป็นพระมหากัสสปเถระเป็นประธานในการปฐมสังคายนาหลังพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้วได้รับยกย่องเป็นเอตคัคคะว่าเป็นผู้เลิศในทางธุดงค์เป็นต้นแบบของพระป่ามีอายุยืนถึง๑๒๐ปีนิพพานแล้วท่านยังอธิฐานจิตให้สรีระของท่านยังคงสภาพเดิมไม่สูญสลายจนกว่าจะถึงศาสนาพระศรีอริยเมตไตย
--------------------------------
๑๕. แม่ช้างเผือกกเรณู (นางช้างอากาศจาริณี)
-------------------------------------
๑๖. เทวราชสุรารักษ์(เทวดาผู้ชายที่ดูแลกัณหาชาลีระหว่างเดินทาง)
เทวราชสุรารักษ์เป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกที่คอยดูแลพระกัณหาและพระชาลีระหว่างการเดินทางไปกับชูชก
เทวราชสุรารักษ์เป็นเทวดาที่คอยรักษาป่ารู้สึกสงสารและห่วงใยพระกัณหาและพระชาลีที่ต้องเผชิญกับความลำบากต่างๆนานาจึงเนรมิตกายคล้ายคลึงกับพระเวสสันดรสวมชุดฤาษีมุ่นพระโมลีมาคอยดูแลสองกุมารระหว่างการเดินทางตลอดระยะเวลา๑๕คืนพร้อมด้วยนางเทพอัปสรที่เนรมิตกายคล้ายคลึงกับพระมัทรีโดยเทพบุตรและเทพธิดาทั้งสองได้ถวายการดูแลสองกุมารดังนี้
- เอาเถาวัลย์ที่ผูกข้อมือของสองกุมารออก
- นางอัปสรให้ดื่มนมจากอกของนาง
- อาบน้ำชำระร่างกายแต่งตัวให้ใหม่
- ให้บริโภคอาหารที่มีรสทิพย์
- ขับกล่อมให้บรรทม
- เนรมิตทิพยรัตน์ไสยาอาสน์ให้สองกุมารทรงบรรทม
- อยู่ดูแลสองกุมารจนถึงเช้าก่อนที่จะหายตัวไปตลอดระยะเวลาการเดินทาง๑๕คืน
เมื่อชูชกพาสองกุมารมาถึงประตูป่าคือถึงทางแยกที่จะเลือกไประหว่างเมืองสีพีและเมืองกลิงคราษฎร์เทพบุตรและเทพธิดาก็ดลใจให้ชูชกหลงไปทางเมืองเชตุดรนครสีพีและทำให้สองกุมารได้พบกับพระเจ้ากรุงสญชัย
เทวราชสุรารักษ์เป็นแบบอย่างของความมีเมตตาที่ทำให้ทุกคนอยู่ร่วมสังคมเดียวกันได้อย่างสงบสุขทรงให้ความช่วยเหลือและให้ความอบอุ่นแก่สองกุมารแทนพระบิดาช่วยดูแลอภิบาลพระกัณหาและพระชาลีในขณะที่เดินทางมากับชูชก
เทวดาผู้ชายที่ดูแลพระกัณหาและพระชาลีกลับชาติมาเกิดคือพระมหากัจจายนะเถระมีรูปร่างหล่อมากเป็นที่ศรัทธาของคนทั่วไปต่อมาแปลงร่างให้รูปร่างอ้วนไม่น่าดูได้รับยกย่องเป็นเอตคัคคะในทางอธิบายความย่อให้พิศดาร
--------------------------------
๑๗. นางอัปสร(เทวดาผู้หญิงที่ดูแลกัณหาชาลีระหว่างเดินทาง)
นางอัปสรเป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกเป็นเทพธิดาที่คอยดูแลพระกัณหาและพระชาลีระหว่างการเดินทางไปกับชูชก
นางอัปสรรู้สึกสงสารและห่วงใยพระกัณหาและพระชาลีที่ต้องเผชิญกับความลำบากต่างๆนานาจึงเนรมิตกายคล้ายคลึงกับพระมัทรีมีสิริโฉมงดงามมีน้ำใจอันประเสริฐมาคอยดูแลสองกุมารระหว่างการเดินทางตลอดระยะเวลา๑๕คืนพร้อมด้วยเทพบุตรที่เนรมิตกายคล้ายคลึงกับพระเวสสันดร
เมื่อชูชกพาสองกุมารมาถึงประตูป่าคือถึงทางแยกที่จะเลือกไประหว่างเมืองสีพีและเมืองกลิงคราษฎร์เทพบุตรและเทพธิดาก็ดลใจให้ชูชกหลงไปทางเมืองเชตุดรนครสีพีและทำให้สองกุมารได้พบกับพระเจ้ากรุงสญชัย
นางเทพธิดาเป็นแบบอย่างของความมีเมตตาที่ทำให้ทุกคนอยู่ร่วมสังคมเดียวกันได้อย่างสงบสุขทรงให้ความช่วยเหลือและให้ความอบอุ่นแก่สองกุมารแทนพระมารดาช่วยดูแลอภิบาลพระกัณหาและพระชาลีในขณะที่เดินทางมากับชูชก
เทวดาผู้หญิงที่ดูแลพระกัณหาและพระชาลีกลับชาติมาเกิดคือนางวิสาขาเป็นผู้ที่มีความสวยได้เบญจกัลยาณีมีลูกหลานเหลนทั้งหมด๘๔๒๐คนมีอายุยืนถึง๑๒๐ปีได้รับยกย่องเป็นเอตคัคคะในฝ่ายผู้เป็นทายิกาผู้มีศรัทธามาก
---------------------------------
๑๘.สหชาติโยธี
สหชาติโยธีเป็นตัวละครอยู่ในวรรณคดีเรื่องมหาเวสสันดรชาดกเป็นบรรดาทหารรักษาพระองค์ของพระเวสสันดรที่เกิดในวันเดียวกับที่พระเวสสันดรประสูติมีจำนวนทั้งสิ้นหกหมื่นคนเดิมเป็นเทพยดาบนสวรรค์ได้รับเทวบัญชาจากพระอินทร์ให้ลงมาปฏิสนธิในครรภ์ของภรรยาอำมาตย์แห่งนครสีพี
ในกัณฑ์หิมพานต์พระเจ้ากรุงสญชัยได้รับเด็กทารกที่เกิดพร้อมกับพระเวสสันดรมาเลี้ยงไว้ให้กินนมจากนางนมในวังและได้กลายเป็นเหล่าทหารของพระเวสสันดรในที่สุด
ในกัณฑ์ทานกัณฑ์พระเวสสันดรรับสั่งให้สหชาติโยธีไปเบิกเงินตราเสื้อผ้าเครื่องประดับต่างๆเพื่อนำมาบริจาคที่โรงทานเมื่อพระเวสสันดรนั่งรถทรงออกทางท้ายวังก็มีเหล่าสหชาติโยธีพร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ทั้งหลายมาคอยส่งเสด็จทั้งยังมีพวกยาจกมาเฝ้ารออย่างเนืองแน่นพระเวสสันดรจึงโปรยแก้วแหวนเงินทองให้และสั่งให้เหล่าสหชาตโยธีกลับเข้าพระนคร
ในกัณฑ์มหาราชเมื่อพระเจ้ากรุงสญชัยให้เตรียมทัพไปรับพระเวสสันดรที่เขาวงกตนั้นมีรับสั่งให้เหล่าเสนาอำมาตย์ราชปุโรหิตเหล่าราษฎรทั้งหลายรวมทั้งเหล่าสหชาติโยธีทั้งหกหมื่นร่วมไปกับกองทัพด้วยให้เหล่าสหชาติโยธีถืออาวุธประจำตัวเพื่อให้ผู้คนที่พบเห็นเกรงกลัวไม่กล้าเข้าใกล้
ในการยกทัพนั้นเหล่าสหชาติโยธีได้แบ่งออกเป็นสี่เหล่าได้แก่เหล่าพลเดินเท้าเหล่าพลม้าเหล่าพลช้างและเหล่าพลรถ
ในนครกัณฑ์เหล่าเสนาอำมาตย์และสหชาตโยธีมีความปลาบปลื้มใจที่พระเวสสันดรจะได้กลับคืนสู่พระนครพากันแต่งตัวถืออาวุธประจำตัวเตรียมยกทัพกลับ
สหชาติหกหมื่นอาจมีความหมายเป็นนัยว่าบุคคลหรือสิ่งสำคัญจำนวนมากมายที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นซึ่งมิได้มีความหมายตรงพอดีหกหมื่นเพราะในสมัยโบราณตัวเลขจำนวนมากนั้นแทนความหมายว่ามากมายมหาศาลเช่นพญามารสี่หมื่นแปดแปดมารายล้อมพระพุทธเจ้าณต้นศรีมหาโพธิ์ก็หมายถึงพญามารมากมายนั่นเอง
สหชาติหกหมื่นหรือบุคคลผู้ร่วมการเกิดหรือร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้านั้นมีมากมายมหาศาลอาจเป็นเหล่าเสนาอำมาตย์ที่อยู่ในวังหรือประชาชนผู้เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธเจ้าในสมัยนั้นซึ่งมีจำนวนมากมายแต่สหชาติที่สำคัญและถูกบันทึกไว้ในพระพุทธประวัตินั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเกิดของพระพุทธและเป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุการณ์สำคัญ๗สหชาติ
สหชาติโยธีได้กลับชาติมาเป็นพุทธเวไนย
-----------------------------------
๑๙. พระยาพยัคฆราช(เทวดาที่แปลงเป็นเสือโคร่ง)
บทบาทพระอินทร์ให้เทวดาแปลงกายเป็นเสือโคร่งเสือเหลืองและราชสีห์มาขวางทางพระมัทรีไว้เพราะเกรงว่าหากพระนางมัทรีกลับมาแต่กลางวันจะเที่ยวติดตามสองกุมารและอาจติดตามไปทันจะเป็นการขัดขวางการบริจาคปุตตทานของพระเวสสันดรได้
ในเรื่องนั้นพระนางมัทรีได้ทูลฝากพระโอรสและพระธิดาทั้งสองพระองค์กับพระเวสสันดรเพราะหวาดกลัวภัยซึ่งพระนางเกิดนิมิตร้ายในคืนก่อน ที่ชูชกจะนำตัวสองกุมารไปเป็นทาสของนางอมิตตดาพอรุ่งเช้าพระนางก็ได้เข้าป่าไปเก็บผลไม้อย่างเช่นทุกวันแต่เกิดอาเพศทำให้พระนางเก็บผลไม้ได้แต่เพียงเล็กน้อยเมื่อจะกลับพระอาศรมก็ได้พบกับสัตว์ทั้งสามนอนขวางอยู่จึงไม่สามารถเดินผ่านไปได้สัตว์ทั้งสามนั้นพระอินทร์จงใจส่งเทวดา๓องค์จำแลงกายลงมาเป็นเสือโคร่งเสือเหลืองและราชสีห์มาขวางทางเอาไว้เพื่อมิให้พระนางเที่ยวติดตามสองกุมารได้ทันดังเนื้อความว่า
ตัวละครประกอบที่สำคัญทั้งสามนี้ถือว่าเป็นตัวละครที่สำคัญตัวหนึ่งในมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรีเลยทีเดียวเพราะได้ช่วยให้พระเวสสันดรบริจาคปุตตทานได้สำเร็จสมความมุ่งหมายเทวดาที่เนรมิตเป็นเสือโคร่งกลับชาติมาเป็นพระสิมพลีหรือพระสิวลีเป็นสาวกรูปหนึ่งที่ได้ช่วยกิจการพระศาสนาเป็นอย่างมากได้รับยกย่องเป็นเอตคัคคะผู้มีลาภมาก
-----------------------------------
เทวดาที่แปลงเป็นพระยาพยัคฆราช(เสือเหลือง) กลับชาติมาเกิดเป็นพระจุลนาคเถระพระจุลนาคนี้ไม่มีชื่อปรากฏโดยตรงในพระคัมภีร์แต่มีปรากฏในพระสุตันตปิฎกเถรกถาเรียกชื่อว่าพระจุฬกเถระ(ซึ่งอาจเป็นองค์เดียวกันก็ได้) เป็นสาวกที่มีคติธรรมมองทุกสิ่งทุกอย่างในแง่ดีงามถือเอาความดีงามมาเป็นหลักในการปฏิบัติตนจนได้ฌาณสมาบัติบรรลุพระอรหัตตผล
-------------------------------------
เทวดาที่แปลงร่างเป็นราชสีห์ส่งเสียงร้องดังลั่นสนั่นป่าระหว่างทางที่พระนางมัทรีเดินทางเพื่อให้พระนางหวาดกลัวและเดินทางล่าช้าเพราะเกรงว่าหากพระนางมัทรีกลับทันเวลาจะเที่ยวติดตามสองกุมารได้ทันจะเป็นการขัดขวางการบริจาคปุตตทานของพระเวสสันดรได้ดังคำประพนธ์ว่า
“ตโย เทวปุตตา ส่วนเทพยเจ้าทั้งสามก็อำลาลีลาศผาดแผลง จำแลงเป็นพญาไกรสรราชผาดแผดเสียงสนั่น ดั่งสายอสนีลั่นตลอดป่า…”
เทวดาที่แปลงร่างเป็นราชสีห์กลับชาติมาเป็นพระอุบาลีได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาในตำแหน่งเอตคัคคะเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้ทรงพระวินัยครั้งเมื่อทำปฐมสังคายนาเป็นผู้วิสัชนาพระวินัย
-------------------------------------
๒๒. นายนักการ(อำมาตย์ที่กราบทูลข่าวเนรเทศ)
นายนักการเป็นตัวละครอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีตำแหน่งเป็นอำมาตย์รับใช้อยู่ในราชสำนักแห่งนครสีพี ปรากฏบทบาทในกัณฑ์หิมพานต์ตอนที่พระเจ้ากรุงสญชัยต้องจำพระทัยขับไล่พระเวสสันดรตามเสียงเรียกร้องของชาวนครสีพีด้วยพระเวสสันดรได้ประทานช้างปัจจัยนาคแก่พราหมณ์เมืองกลิงคราษฎร์พระเจ้ากรุงสญชัยจึงทรงให้นายนักการนำความไปกราบทูลพระเวสสันดร เมื่อพระเวสสันดรทรงทราบก็มิได้เสียพระทัยกลับรับสั่งว่าหากใครขอพระพาหาหรือพระเนตรก็จะให้เพื่อแลกกับพระโพธิญาณในเบื้องหน้าครั้งนั้นเทวดาดลใจให้นายนักการถวายคำแนะนำสถานที่คือเขาวงกตให้แก่พระเวสสันดรพระองค์จึงทรงให้นายนักการไปทูลพระราชบิดาขอเลื่อนเวลาเพื่อทรงบำเพ็ญสัตตสดกมหาทานก่อน
นายนักการเป็นอำมาตย์ผู้มีความจงรักภักดีต่อพระเวสสันดร ในขณะที่พระเจ้ากรุงสญชัยกล่าวเนรเทศพระเวสสันดรนั้นนายนักการก็รีบรับรับสั่งแล้วนำความไปกราบทูลพระเวสสันดรให้ทรงทราบและยังได้ถวายคำแนะนำสถานที่ที่กษัตริย์ทั้งสี่พระองค์คือพระเวสสันดรพระมัทรีพระชาลีและพระกัณหาทรงผนวชเป็นนักบวชด้วยสถานที่เขาวงกตนี้เองที่พระเวสสันดรทรงบริจาคพระชาลีและพระกัณหาให้แก่ชูชกและพระราชทานพระมัทรีให้แก่พระอินทร์ซึ่งจำแลงเป็นพราหมณ์มาทูลขอ
นายนักการที่นำข่าวการเนรเทศมาทูลพระเวสสันดรกลับชาติมาเกิดเป็นพระอานนท์ได้รับยกย่องในตำแหน่งเอตคัคคะเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งปวงถึง๕ประการเป็นพหูสูตรเป็นผู้มีสติเป็นผู้มีคติเป็นผู้มีความเพียรและเป็นพุทธอุปัฏฐากเมื่อครั้งทำปฐมสังคายนาเป็นผู้วิสัชนาพระสูตรมีอายุยืนถึง๑๒๐ปีปรินิพพานกลางอากาศ
------------------------------------------
๒๓. เสนาจุตตอำมาตย์
เสนาจุตตอำมาตย์เป็นตัวละครอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกเป็นอำมาตย์ผู้จัดสัตตสดกมหาทานให้แก่พระเวสสันดรปรากฏในกัณฑ์ทานกัณฑ์
เสนาจุตตอำมาตย์เป็นคนใจบุญคอยช่วยเหลือในการบริจาคทานของพระเวสสันดรซึ่งต่อมาได้เกิดเป็นอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้รับยกย่องในตำแหน่งทางเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสกทั้งในฝ่ายผู้เป็นทายก