ผูกที่ ๑๒ กัณฑ์ฉักกขัตติย์
กัณฑ์ย่อยที่ ๑
เนื้อเรื่อง
ชาลีกุมาโรปิ มุจฺลินฺทสฺส ตีเร ขนฺธวารํ นิวาเปตฺวา ลำดับธรรมเทศนามาเถิงสักกติกัณฑ์ถ้วน 12 เป็นทำนองเดียวต่อมหาราช คือว่าขัตติยชาติเจ้าทั้ง 4 ตน นำรีพลไต่เต้าเสด็จเข้าสู่ไพรสณฑ์ ชาลี กุมาโรปิ สวนดั่งท้าวพระชาลีหลานฮักปู่ นำหน้าหมู่รีพลเข้าไปสู่ไพรสณฑ์หิมเวสเถิงด้าวเขตสระมุจลิน นิวาเปตฺวา ให้พักรีพลมหลละโยธา ตั้งพลับพลาติดบาท ล้อมฮั้วกาดเป็นค่ายคูเพื่อบ่ให้ศัตรูเข้าใกล้ ในป่าไม้หิมพานต์บ่ห่างไกลต่างสถานข่วงเขต อันเป็นที่อยู่แห่งเขตเจ้าพระยาเวสสันตราช พระบาทเจ้าตื่นตกใจ เหตุได้ยินเสียงโกลาหนกึกก้อง ช้างม้าฮ้องส่งเสียงไกล เข้าใจว่าเป็นข้าเศิกอันสาโหด กระทำโทษแก่พ่อแม่ในบ้านเมืองแห่งตนแล้ว จึงนำรีพลไต่เต้า เข้ามาสู่ไพรสณฑ์ เพื่อจักเอายังตนฆ่าเสียบ่ไว้พระบาทไท้บ่สงกา จึงพานางมัททีเฮ็วฮอด ขึ้นสู่ยอดจอมดอยบ่ช้า แล้วจึงอ่วยหน้าผ่อหลิงดูไปเห็นธุงไชยแลช้างม้าพวกคนกล้าหมู่รีพล เดินสับสนไปมาหนาหนืด มัวมืดกุ้มเต็มสถาน เจ้าจึงชี้บอกนางงามเมียมิ่ง ว่าดูราเจ้าแก้วกิ่งมัทรี ดูพวกไพรีหลายเหลือขนาด เฮาบ่อาจจักม้มได้จากคำตาย แท้ดีหลี เฮาทั้ง 2 เปรียบเมือนดั่งมิคคาเนื้อในเถื่อนพรานพวกเพื่อนมาหลวงหลาย เอาหน่างยายวงแวดล้อม อ้อมไว้แล้วชอกเอาตัว ยถา อันนั้นแล มีฉันได สวนดั่งเฮาพี่น้องทั้ง 2 จักปองหนีก็บ่มีพ้นได้ เหตุว่าหมู่ริพลเข้าเต็มป่าไม้แลตีนดอย ตถา ก็มีอุปไมฉันนั้น ก็พี่นา มทฺทีปิ โข เมื่อนั้นบั้นนางแก้วราชมัทรี ผู้มีลักขณะดีสมสะอาด ฉลาดด้วยปัญญา นางจึ่งพิจารณาดูตามเหตุ ฮู้แจ้งเจตน์บ่สงกา นางจึงเล้าโลมจาทูลผัวแก้ว ให้มีใจผ่องแผ้วบ่กลัวภัย ด้วยคำว่า ข้าแต่พระจอมใจเอยนั่งเกล้า พระราชเจ้าอย่ากลัวตาย อันตรายอันใดแลจักมีมาฮอด แก่ยอดเจ้าฟ้าผู้บุญมี เปรียบเหมือนมหานทีหลวงใหญ่กว้าง ไผบ่ห่อนจักอ้างอวดกำลังดังไฟเผาด้วยมัดหญ้า ให้น้ำท่าในมหานทีเดือดฮ้อน บ่ฮ่อนได้ ก็ข้าแล พระวรแก่นไท้อย่าตกใจ อันนี้หากแม่นพรพระจอมไตรอินทาเทวราช อันประสาทให้แล้วแก่ภูธร อันนี้ฮ้อยว่าแม่นชาวนครรีพลสี พิราชอันมาเชิญพระบาทเจ้าเสด็จเข้าคืนเมือเสวยเมืองบ่สงกา พระราชาเวสสันตราช ได้ฟังนางน้อยนาถกราบทูลสาส์น จึงบังเกิดใจชื่นบานผ่องแผ้ว พานางแก้วลงมาสู่ศาลาด้วยความจินดาชมชื่น บ่เต้นตื้นตกใจ วันนั้นแล สญฺชยฺโย เมื่อนั้น บั้นพระยาบรมศรีสญชันตนยศยิ่ง เจ้าจอมมิ่งราชา จึงได้เสนาอามาตย์ข้าพระบาททั้งปวง ตั้งค่ายหลวงกันเป็นเขตในประเทศหิมพานต์ ด้วยประการดั่งนี้แล้ว จึงปรึกษากับพระวรกัลยาแก่นเหง้า นางแจ่มเจ้าชื่อว่าผุสดี ด้วยคำไมตรีอันม่วน ว่าดูราเจ้าผุสดีผู้เหง้า คันเฮาจักพร้อมกันเข้าไปในพนักทั้งลูกเต้า ก็จักพากันโศรกเศร้าหอดหิวตายนางสมสายพักอยู่ก่อน ผ่อนให้เฮาพี่เข้าไปหา 2 ปุตตาลูกเต้า ประหมานเฮาพี่เว้าจากัน หายความกระสันโศกเศร้าพระนางเจ้าจึงค่อยตามไป อันว่า 2 นงค์ไวหลานแก้วให้หลานเจ้าพักอยู่ เจ้าจึงเข้าไปสู่ภายหลัง ก็พี่เทอญ ในเมื่อพระยาบรมศรีสญชัยตนฉลาด พระบาทเจ้าสั่งเทวี กับทั้งหลาน 2 ศรีแลบ่ช้า อ่วยหน้าสู่ศาลากับทั้งเสนาอามาตย์ สะพาดเป็นบริวารเข้าไปสู่สถานอันวิเศษ แห่งพระเจ้าพระยาเวสแลนางราชมัทรี เมื่อนั้นพระรัสสีทั้งคู่แลเห็นปู่เดินมา มีความปราถนาอยากเห็นหน้าลูก ด้วยใจเจ้าผูกกูณา 2 กษัตตาพี่น้องความยินดีมาถูกต้องชื่นบานใจ 2 นงค์วัยลุกโดยพลันฝั่งฟ้าว ไปรับท้าวพระวรปิตา ก้มวันทากราบไหว้ เชิญพระบาทไท้ให้ไปสู่อาศรม มีความประโลมโศกเศร้า 2 แจ่มเจ้าบ่เคยห่างจากพระภูมี นางมัทรีกล่าวคำระห้อย ว่าข้าชื่อว่ามัทรีผู้เหง้า หากแม่นสะใภ้พระบาทไท้จอมหัว ขอมอบตนตัววันทาพื้นบาทแห่งพระบรมนาถพระวรปิตตา ก็ข้าแล เมื่อนั้น บั้นพระบรมศรีสญชัยตนพ่อ บังเกิดความฮักห่อเสน่หายัง 2 ปุตตาลูกเต้า พระก็โลมเล้า 2 เจ้าจูบชมขวัญ ปริมชฺปนฺโต มือลูบหลังอยู่คีค้อย ๆ ให้ยมย้อยเศร้าเสียใจ พระนงค์ไวตนเป็นพ่อ จึงตั้งใจระงับต่อโสภา แล้วจึงเจรจากับดอมลูกเต้าทั้ง 2 อันอยู่ในไพรสณฑ์ ด้วยคำเป็นนิพนธ์คาถา ว่า กจจิ โว กุสลํ ปุตตา ดั่งนี้เป็เค้า ดูราเจ้าผู้เป็นลูกฮักทั้ง 2 กุสลํ อันว่าสภาวะอันหาพยาธิโรคาคือเจ็บตาแลปวดท้อง ก็หาบ่ได้ แก่ลูกแก้วแก่นไท้พี่น้อง ทั้ง 2 ก็ปู่ลือ อนามยํ อันว่าทุกขเวทนา 2 ประการ อันเผาผาญภายในแลภายนอก ก็บ่ถืกต้องแลเจ้าพี่น้องทั้ง 2 ก็ปู่ลือ ตุมเห เจ้าทั้ง 2 อันเพียรปลองแสวงหาหัวมันแลลูกไม้ก็หากได้พอฉันก็ปู่ลือ มุลผลา หัวมันแลลูกไม้ก็ยังมีมากบ่ลำบากด้วยอันคั่วแสวงหา ก็ปู่ลือ ฑํสา มกสา จ เหลือกแลยุงยองของป่า ฮิ้นฮ้ายคั่วขบคัน สัพพสันสารพิษ มีงูเห่าแลงูเหลือมเป็นเค้า ก็บ่เข้ามาใกล้าฮาวี แก่พระรัสสีทั้งคู่ ก็ปู่ลือ หึสาอันว่าอนตาย เนื้อฮ้ายทั้งหลายมีราชสีห์เป็นเค้า ก็บ่เข้ามาใกล้ลูกแก้วแก่นไท้ทั้ง 2 ก็ปู่ลือ
มหาสตฺโต พระมหากษัตริย์ ตนประเสริฐอันเกิดมาในขัตติยะชาติ ฉลาดด้วยปัญญา กล่าวตอบพระวรปิตา โดยถี่ถ้วน ด้วยถ้อยคำอันหม่วนยิ่งหนักหนา กล่าวเป็นไนยะคาถาว่า นตฺถิ โน อกุสลํ ปิตา ดั่งนี้เป็นเค้า ข้าไหว้พระวรปิตา อกุสลํ อันว่า สภาวะอันเป็นพยาธิคือไข้สันนิบาตแลเจ็บหัว ก็หาบ่ได้แก่เผือข้า อันอยู่ป่าไม้ทั้ง 2 ก็ข้าแล อตฺโถ ประการ 1 มูลผลา หัวมันแลลูกไม้ ก็ยังมีมากบ่ลำบากด้วยการคั่วแสวงหา ก็ข้านา ฑํสา จ มกสา จ เหลือกแลยุงยองของป่าฮิ้นฮ้ายคั่วขบคันสัพพสันสารพิษ น วิชฺชติ ก็หาบ่ได้ เหตุเผือข้ามาอยู่ในป่าไม้แผ่เมตตา หึสา อันว่าอนตายแต่เนื้อป่ากล้าคะนองทั้งหลายมีราชสีห์เป็นเค้า ก็บ่ฮ่อนเข้ามาใกล้เขตอาศรมด้วยเดชพรหมวิหารแห่งเผือข้า ฝูงสัตว์หยาบช้าก็บ่ห่อนเข้ามาใกล้อาวี แท้ดีแล ปน ด้วยมีแท้ มยํ อันว่าเผือข้าพี่น้อง ทั้ง 2 บ่เคยได้หม่นหมองลำบาก บ่เคยโศรกเศร้าด้วยเข้าน้ำโภชนะอาหาร เคยรับประทานแต่ข้าวสาลีของดีกินสะอาด สะพาดเหนือไตรคำ บัดนี้ มาได้เสวยกรรมอันตนสร้างไว้ ทุกข์ยากไฮ้อยู่กลางไพร บ่มีไตรภาชน์และถาดถ้วย มีแต่ใบตองกล้วยกาดตางภาชน์ โภชนะอาหารของหวานแลของส้ม ก็หาบ่ได้ กินแต่หมากไม้ปานค่างปานลิง มีเนื้อคีงอันเหี่ยวแห้งชูบผอมเหลือง ฮ่างกายฮูบเก่ากว่าภายหลัง นุ่งทรงแต่หนังเสือและผ้าเปลือกไม้ทุกขะมอดไฮ้เหลือประมาณ ทั้งอยู่ไกลสมภาร พระวรปิตตาแท้ดีหลี บัดนี้ความทุกข์ลำบาก ความทุกข์ยากสั่งสอนใจ เหมือนดั่งอาชาไนตัวองอาจ อันเขาลูกอำนาจแห่งนายสารถี เขาทรมานได้ดี เขาตีด้วยแส้แลหวาย ให้หายเสียยังความลำพองคะนองเต้น ยถา อันนั้นแลมีฉันใด มยํ อันเผือข้าพี่น้องทั้ง 2 ตกเข้าคลองทุกข์ไฮ้มอดไหม้เข็นใจ หาวัตถุเข้าของอันใดก็บ่ได้ ความทุกข์ ไฮ้สั่งสอนตน ให้เกิดเป็นคนดีบ่ลำบาก กินหัวกากแลหัวมัน ลูกไม้ฉันตางเข้า ทุกข์ค่ำเช้าก็หากพออยู่ พอสะบาย แม่นเอากายนอนเหนือฟาก ก็บ่ได้จ่มว่าเป็นการทุกข์ยากเหลืออก แต่ความวิตกเถิงพระวรปิตาเป็นเจ้า อันนี้เป็นความทุกข์โศรกเศร้ายิ่งหนักหนา บัดนี้ข้าขอถามหาสอง ปุตตาหลานปู่ แต่ก่อน 2 เขืออยู่ดอมเผื่อ พราหมณ์ยากจนเหลือขนาด เข้ามาสู่สำนักข้าพระบาทขอทาน มันขอได้แล้วผูกตีไป อันว่าสองนงค์วัยทั้งคู่ ก็หากแม่นหลานของปู่แท้ดีหลี บุญ 2 เขือเจ้ามีเมื่อภายหน้า หมายจักว่าไว้ท่าสืบแทนเมือง บัดนี้ 2 บุญเฮืองพี่น้องพราหมณ์เฒ่าหากผูกคล้องคอหนี จักว่าได้เป็นดีหรือตายเสียจากสองกำพร้าพรากเขือไป พระขุนไทเอยเป็นเจ้า ยังได้ยินเสียงเหล่าข่าว 2 หลาน ก็ข้าลือ ขอแก่พระภูบาลเจ้าแก่นเหง้า จงบอกข่าว 2 เจ้า โดยพลัน ให้ทันใจแห่งเผือข้าผู้อยากฮู้ จักได้กู้เสียยังความโศรกเศร้าโสกา เป็นดั่งหมอยาและหมอเวทหมอวิเศษแก้พิษงู ก็ข้าเทอญ
กัณฑ์ย่อยที่ ๒
เนื้อเรื่อง
เมื่อนั้น บั้นพระยาบรมศรีสญชัยตนพ่อ ฮับพากต่อสองนงค์วัยด้วยคำว่า สองจอมใจหลานแก้วเฮาพ่อก็หากได้ไถ่เอาแล้วจากมือพราหมณ์สองนงค์ฮามทั้งคู่ ก็หากมากับดอมปู่ภายหลัง เจ้าจงหายความโสกกาหมกไหม้ เจ้าทั้งสองจงสำราญใจผ่องแผ้วหากจักได้เห็นหน้าลูกแก้วบ่มีนานพ่อนา เมื่อพระยาเวสสันตรัสสีแลมัทรีศรีสะใภ้ 2 กษัตริย์ไท้ได้ฟังสาส์น มีใจชื่นบานหายความโศรกเศร้า ปานพิษงูหมอเป่าแก้ หายพิษแท้อยู่สะบาย นั้นแลนา มหาสตฺโต เมื่อนั้น บั้นเวสสันตระรัสสี มีความยินดีอันได้แล้ว พระตนแก้วจึงเจรจา ปิตรสทฺธึ กับดอมพระวรปิตาตนพ่อ ต้านถ้อยต่อเป็นคาถา ว่า กจฺจิ นุ ตาต กุสลํ ดั่งนี้เป็นเค้า ข้าไหว้เจ้าพระวรปิตา เจ้ากูเป็นพระยาเสวยราช ภายหลังข้าพระบาทออกหนีมามีความสุขาสะบายหายโศรกบ่เกิดโรคโรคาสัง ก็ข้าลือ จกฺขูนิ อันว่าพระเนตรทั้ง 2 แห่งพระจอมทองมาดาออกไท้ ก็ยังเป็นปกติอยู่ได้บ่ศูนย์เศร้าขุ่นหมองมัว ก็ข้าลือ อันหนึ่ง ชาวชนบทเขตขอกทั้งบ้านนอกแลเมืองหลวง คนทั้งปวงเขาก็ยังชมชื่น บ่พากันแตกตื่นด้วยเหตุแห่งความกันดาร เข้าเปลือกแลเข้าสารก็ยังมีมากบ่ลำบากด้วยการสร้างไฮ่ทำนา ทั้งฟ้าฝนชลนาก็ยังตกลงมา บ่เป็นอันเขินขาดเหมือนดั่งเมื่อข้าพระบาทยังเสวยเมืองก็ข้าลือ สญฺชยฺโย พระบุญเฮืองตนพ่อตาบต้านต่อพระสัสสี ตามคำมีแต่เก่า โดยดั่งพระบาทเจ้าหากทูลถาม บอกคำงามอันมีบ่ศูนย์เศร้า ให้พระรัสสีเจ้าชื่นชมบาน ด้วยประการดั่งนี้แล้ว บั้นนางแก้วราชผุสดีนางเทวีผู้คิดถูกคิดเห็นว่า ปานนี้พ่อลูกเห็นจักอยู่สะบาย นางสมสายแก่นเหง้า นางแจ่มเจ้าจึงลีลา เสด็จเข้ามาสะภู่พร้อมทั้งหมู่บริวาร เถิงสถานใกล้เขต ใกล้ประเทศศาลาเมื่อพระกษัตตาเวสสันตราช กับทั้งนางน้อยนาถราชมัทรี แลเห็นพระราชเทวีตนเป็นแม่ เดินมาแต่ทางไกล 2 นงค์วัยลุกบ่ช้าอ่วยหน้าสู่พระมารดาไหว้วันทาก้มขาบ น้ำตาอาบไหลนอง เจ้าทั้ง 2 เฟือ 2 ข้าง พาแม่เจ้าย่างเดินมา เถิงศาลานั่งไหว้ นางนาถไท้มัทรี กล่าวคำดีคีค้อย ๆ ว่าข้าน้อยชื่อมัทรีหากเป็นลูกสาวศรีสะใภ้ แห่งพระบาทไท้วรมารดา ขอวันทาไต้พื้นบาท แห่งพระราชมารดา ก็ข้าเทอญ เมื่อนางผุสดีราชเทวีมาเถิงแล้ว จึงเล้าโลมยังสองลูกแก้วให้มีใจผ่องแผ้วชื่นชมบาน แลมีดังนี้ บั้นท้าวพระชาลีศรีวรกัณหา มีบริวารแฮ่อ้อมแวดล้อมมาภายหลัง หน้าอนิจจังคิดถึงความโศรกเศร้า แม่ 2 เจ้า พระราชมัทรี นางเทวีคอยตาแลทางลูก พอแลมาเห็นลูกมาถูกต้องสายตา นางพระยาอดบ่ได้ นางฮ้องไห้ฮีบลุกขึ้นโดยพลัน เหมือนดั่งแม่วัวอันฝันใส่ลูก สวนดั่งพระลูกฮักทั้ง 2 แลเห็นนางจอมทองตนแม่ อันแล่นมาแต่ไกล นั้นแลนา คันนางพระยา แล่นผายผันพระจอมทันลูกแก้ว นางก็สวมกอดได้แล้ว ลวดล้มท่าวทังยืน ตั้งสติอยู่บ่ได้ นางฮ้องให้สลบตาย น้ำนมหลายเต็ม 2 เต้า ไหลหลั่งเข้าปากเจ้าหน่อสงสารชีวิต 2 กุมาร จึงทนทานอยู่ได้ ผิบ่มีดั่งนั้นหัวใจ 2 กุมารหน่อไท้จักไข่แห้งสะบั้นหอดหิวตาย 2 กุมาร นอนหงายล้มแผ่ ล้มทับแม่ขาดสัญญา วันนั้นแล
เวสฺสนฺตาโร พระภูบาลเวสสันตราช แลเห็นแม่ลูกเป็นทุกข์สุดขนาด บ่อาจจักตั้งตนอยู่ได้ ปติตฺวา ก็ล้มท่าวสลบไป มาตาปิตโร สวนดั่งพระสญชัยผู้เหง้า นางแจ่มเจ้าผุสดี หาสติปัญญาบ่ได้ 2 แก่นไท้ ก็ล้มท่าวสลบไป สพฺเพ อามจฺจา อามาตย์ทั้งหลายมวลถ้วนทุกหมู่ เห็นนายเข้ามาสู่มรณา บ่อาจจักตั้งสติปัญญาอยู่ได้ พากันฮ้องให้ท่าวสลบไปมาดว่าคนเดียวจักมีสติก็หาบ่ได้ พากันกลิ้งให้สลบตายท่าวนอนหงายเดียระดาษ คือดั่งลมหลวงฟาดป่าไม้ฮังนั้นแลนา มหาปถวี แผ่นดินหลวงไหวหวั่น เสียงสนั่นก้องโลกา ทั้งภายบนอากาศ เสียงเนียระนาดก้องเถิง สกฺโก พระยาอินทาฮู้เหตุเกิดสมเภทเวทนา ควรกูณา อินทาผายโผดสรงโสดน้ำอันเป็นยาให้คนมีสัญญาลุกขึ้นได้ พระแก้วแก่นไท้สักโก เวสฺสนฺตาโร จึงให้ยังห่าฝนโปกขพัส ให้ประวัตตกลงมา ในสถานสมาคมแห่งบรมกษัตริย์เจ้าทั้ง 6 พระองค์ ตทา ในกาละยามนั้นแล ฝนอันนั้น ผู้อยากชุ่มก็จึงชุ่ม ผู้บ่อยากชุ่ม ฝนก็กลิ้งลงหลุมบ่ติดตัว เหมือนในบัวฝนบ่ค้างจึงมีความกล่าวอ้างว่าฝนโปกขพัส ตามประวัติมีมา พระกษัตรา ทั้ง 6 ฝนตกฮำเปียกชี่นจึงได้สติตื่นฟื้นขึ้นมา ทั้งเสนาแลอามาตย์ข้ามหาดได้สติ ชื่นชมดีถ้วนหน้า ชมบุญเจ้าฟ้าว่าเป็นหน้าอัศจรรย์ บุญพระจอมทันนั่งเกล้า ว่าข่อยเฒ่าบ่เคยเห็น ฝนเม็ดเย็นมาผายโผด มาสรงให้ชื่นชมบานเป็นด้วยเดชสมภารพระเป็นเจ้า บ่าวไพร่เว้าสรรเสริญ มีความจำเริญใจด้วยกันถ้วนหน้า บัดนี้จักอัญเชิญเจ้าแผ่นหล้าเมือเสวยเมืองให้ยศเฮืองกั่วเก่า เป็นท้าวเหล่า 2 ที
กัณฑ์ย่อยที่ ๓
เนื้อเรื่อง
สญฺชยฺโย เมื่อนั้น บั้นพระยาบรมศรีสญชัยตนแก่นเหง้า บุญแจ่มเจ้าจอมจับบุญชูชับเชยชมชอมหกท้าวคอมดอมกันเป็นที่อัศจรรย์ เสียงหมี่นั้นเกลื่อนกล้อง เสียงตื่นต้องสากล คนเทพาใจสั่น สะท้านปั่นทังปวง ทั้งเขาหลวงสิเนโนราช ไหวหวั่นหวาดถวายสาส์น ทั้งสัตต บริวารเจ็ดชั้น ทั้งขอบขั้นบริดานทั้งจักกวาฬกวยกดแก่ง ทั่วทุกแห่งเหาะไปมา วุฒิธารา ปวตฺเตนฺโต เทโว ปาวสฺสิ ตาวเทว ในขณะบัดนั้น บั้นอินทาธิราช ตนองอาจในตาวตึงสา ชลธา ปาวสฺสิ ก็ให้ยังห่าฝนโบกขรพัส วสฺสาเปสิ ก็ให้กระจัดตกลงมาในสถานข่วงเขต ประเทศที่ศาลา นตฺตาโร สุณิสา ปุตฺตา อันว่าหลานทั้ง 2 เลิศแล้ว กับทั้งหน่อแก้วมิ่งมัทรี ตนเป็นวรอัครมเหสีผู้สะใภ้ พระยอดไท้สายสมร เวสสันดรตนยศโยค เจ้าจอมโลกย่อมลือชา กับทั้งพระยาผู้เหล้า จอมเจืองเจ้าสญชัย ปัญญาไวใจคิดหม่อ กับทั้งนางน้อยหน่อผุสดี ตนเป็นวรมเหสีผู้เหง้า พระกษัตริย์เจ้าทั้ง 6 จึงมายกสมสนุกพร้ำพร้อม โอยอ่อนน้อมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ยทา ในกาลยามใด ตทา ในกาลยามนั้น ภิกฺขเว ดูราภิกขุทั้งหลาย ยามเมื่อหายโศรกเศร้าโสกา สพฺเพรฎฺฐา อันว่าชาวเมืองมวลทุกหมู่ สะภู่พร้อมมวลมา ทั้งเสนามนตีเสฎฐีแลทวยค้า นายม้าพวกวธนูหาญกับทั้งฝูงอาจารย์และนักปราชญ์ อามาตย์พร้อมหมู่โยธา เขาก็เนืองกันมา ชะสู่สะภู่พร้อมเนืองนอง ได้ 12 อักโขเภณี เขาบ่มีใจยินดีโศรกเศร้า ให้ห่ำเฮ้าเต็มดง กลางพงไพรหิมวาส เนื้อนกขาดใจตาย พลึกกาสาวางใบหล่น ดอกไม้หม่นหมองดวงในไพรหลวง รสสะมาสห้องให้ขาดสะหยบสบกับตีน จ่วงใจเอาบาทไท้ทูลผม ยินปารมลำบาก ว่าคิดยากดอมท้าวบาบ่าวบ่เมือเมือง ประณมมือเนืองทั้งสิบนิ้ว ตั้งไว้เหนือหว่างคิ้วกราบไหว้สาธุการข้าน้อยขอวอนวานดอมพระแก่นไท้ ฮ้องฮ้ำให้ลูบอกวอน เชิญทั้ง 2 ภูธรเจืองเจ้า กับหน่อเหง้ามิ่งมัทรี ด้วยศรีสวัสดีบ่เศร้า ไหว้พระบาทสันตรเจ้าว่า ตวญฺจสิ โน อิสฺสาโร ราชา รชฺชํ กาเรถ โน อุโภ ดังนี้เป็นเค้า ตั้งแต่พระบาทเจ้าเจียรจากหนีเมืองมา อทฺธา เคืองใจไพร่เหตุว่าบ่ได้เป็นเจ้าแผ่นทรงเมือง เชิญพระนี้เมือเป็นปิ่นคำปกเกษเกล้า เชิญพระนี้เมือเป็นเจ้าเจืองจอมพลผาบสากลแห่งหล้า แก่ไพร่ฟ้าแลแสนเมือง จงให้มียศเฮืองผ่านแผ้ว เชิญพระนี้เมือสถิตอยู่ผาสาทแก้วฮุ่งเฮืองฮม เชิญพระนี้เมือชมหมื่น 6 พัน นางนักสนมหนุ่มเหง้า เชิญพระนี้เมือเป็นเจ้าแก่สีพี อุโภสองกษัตตีเอยแก่นไท้ บ่สมบ่ควร พระสิละสิไล นครเมืองเฮานี้ไว้ ให้มันฮ้างเปล่าศูนย์หมอง เชิญพระจงคืนเมือปุนปองเลี้ยงไพร่ เชิญทั้งลูกสะใภ้นางแก้วมิ่งมัทรี เชิญท่อนท้าวเมือตุ้มไพร่เมือง ฝูงข้าเคืองใจด้วยดอมองค์ภูวนาถ บ่สมบ่ควรพระสิละเผ่าเชื้อกัลละญาติหมู่วงศ์ษา บ่สมบ่ควร พระสิละกัลยาเมียหนุ่มน้อย บ่สมบ่ควรพระสิไลลาข้าน้อยประป่อยเสนา บ่สมบ่ควรพระสิไปนอนค้างศาลาทองอยู่กลางป่า บ่สมบ่ควรพระสิละแม่ป้าลาแม่เลี้ยงทางบ้านให้หม่นหมอง เชิญพระเชิญพระจงคืนเมื่อปุนปองครองเมืองเลี้ยงไพร่ฟ้า งามหยิ่งหน้ายิ่งกว่าเมืองสวรรค์ ตามประเวณีอาชญาธรรมมาแต่เก่า เป็นท่าวเล่าสองที ฉกฺขตฺติยปพฺพํ ประดับประดาไปด้วย 36 พระ คาถา นิฏฺฐิตํ ก็เสด็จบวรควรเท่านี้ก่อนแลฯ