กัณฑ์จุลพน
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
เจตปุตโต ได้ฟังวัจโน แห่งพราหมณัง
โกหกมุสา ว่าถือรับสั่ง สญชัยราชัง มาแต่สีพี
พรานป่าชื่นชม ว่าปิ่นบรม จะได้คืนธานี
เคลื่อนคล้ายหายโกรธ ปราโมทย์ยินดี ชวนเชิญธชี กินผลพฤกษา
ขาซ้ายเนื้อย่าง ให้เป็นเสบียงทาง เดินกลางหิมวา
ตามประสายากจน คนเข้าดงป่า แล้วนำพราหมณา ไปสู่ต้นทาง
ยกมือขึ้นชี้ พราหมณ์เอ้ยตรงนี้ ที่ไม้สล้าง
เขาเขียวชอุ่ม พุ่มพงดงกว้าง ฝ่ายที่ทิศข้าง ขวามืออย่าจร
นี่แน่ธชี ดูมือเราชี้ เฉียงทิศอุดร
จำไว้อย่าหลง ตรงไปสิงขร ว่าพลางพเนจร คิดในปัญญา
เกลือกเฒ่าขีร้าย จะหมายมิได้ แห่งหนมรคา
จำแจ้งอาการ พิสดารดงป่า กล่าวเป็นคาถา พรรณนาต่อไป
ดูราพราหมณ์เฒ่า เราจักบอกเล่า ถ่องแถวแนวไพร
กำหนดให้แน่ โน่นแลเขาใหญ่ ชอุ่มอำไพ สูงสุดเมฆา
ล้วนศิลาราย แวววาวพราวพราย เพริศพริ้งเพราตา
เขียวขาวเหลืองแดง แสงส่องเวหา จับแสงสุริยา วาววาบปลาบเปลว
เป็นโตรกเป็นตรอก ชะโงกชะงอก เงื้อมง้ำถ้ำเหว
ตูมติดตั้งห้อย เห็นลอยแลเลว หน้าเลือนหลุดเร็ว รากห้อยหินผา
โปร่งปล่องช่องชะวาก เวิ้งผาหน้าฉลาก ท่อธารธารา
น้ำไหลลั่นลั่น ทะลุบรรพตา เซ็นซ่านปรายมา ฟุ้งเฟื่องฝอยฟอง
ยังโน่นธชี ชั้นพฤกษาสี ดูงามลำยอง
งอกบนเนินเขา เป็นแนวแถวท่อง ส่งกลิ่นละออง เกสรสารพัน
กระพี้แก่นเปลือก ใบรากไม่เลือก หอมกลิ่นทุกอัน
พื้นพันธุ์ไม้หอม พร้อมทุกสิ่งสรรพ์ งอกในเขานั้น ทรงรสสิบประการ
จึงได้ชื่อว่า คันธมาทน์บรรพตา จอมเกล้าไพศาล
แสนสนุกยิ่งล้ำ รสรวยรื่นหวาน เป็นที่สถาน ทานพคนธรรพ์
เทวาอารักษ์ ผีเสื้อสูรยักษ์ ชื่นชมหฤหรรษ์
มีรุกข์พิมาน ยัดเยียดเสียดกัน นับด้วยหมื่นพัน เพียงพ้นคณนา
ประการหนึ่งเล่า เวสสันดรท้าว สร้างพรตอยู่ป่า
กับด้วยมเหสี ชาลีกัณหา ทรงหนังพยัคฆา ห่อเกล้าเมาลี
เมื่อจักไสยาสน์ เอาใบไม้ลาด เหนือแผ่นปัถพี
กองกูณฑ์วิสัย ตามเลศฤๅษี ไหว้เปลวอัคคี เป็นนิจนิรันดร์
พระทัยมั่นคง มุ่งหมายว่าองค์ ปัจเจกโพธิ์อรหันต์
ชื่นชมโสมนัส ปฏิบัติทุกวัน ด้วยคิดสำคัญ ว่าชายจีวร
ประการหนึ่งเล่า ดูราพราหมณ์เฒ่า จงฟังเราก่อน
หมู่ไม้ทั้งหลาย สล้างสลอน กิ่งก้านอรชร ชอุ่มพุ่มเขา
ลางต้นคดคอด โก้งเก้งก่ายกอด ภอรพอกปุมเป้า
โพรงโพรกปราบนก รากรกรึงเถา วัลย์รัดรวบเอา กิ่งก้านพัวพัน
เมื่อต้องวาตา โอนเอนไปมา ไพเราะระกัน
ดุจเสียงพิณพาทย์ ดนตรีเพลงสวรรค์ เราจักรำพัน นกในหิมพานต์
คุ่มเขาคับแค จิบจาบนกแล ก็ตัวหัวขวาน
แขกเต้าสาลิกา สัตวาเสียงหวาน พญาลอทอขาน ไก่ฟ้าพระอินทร์
มยุราหงส์หาน นกหว้าตีลาน แสกโศกโบกบิน
กระสาซังแซว เค้าแมวขมิ้น โพระดกหัสดิน เกดแก้วกินผลา
พรรณนานกไม้ กล่าวแต่ตามได้ เป็นใจความมา
สารพัดจะมี ถ้วนถี่ว่านยา กล้วยอ้อยนานา มากมายมีถม
ไปเถิดที่ชี้ เดินดงตรงนี้ จะพบอาศรม
อจุตดาบส สร้างพรตจงกรม จำเริญฌานชม กองกูณฑ์บูชา
มีฟันอันขาว มีหนวดเครายาว ห่อเกล้าชฎา
นุ่งผ้าเปลือกไม้ ห่มหนังพยัคฆา อรัญญิกา กุฎีชายเขา
ท่านจงเข้าไป กราบไหว้ถามไถ่ เนินแนวลำเนา
เธอจักไม่พราง บอกให้โดยเดา พรรณรุกขาเขา นกเนื้อในป่า
มุจลินท์สระศรี เกตุมนที นาลีสิงขรา
มีบูรณบรรพต สูงจรดเวหา สมุนไพรว่านยา กระบิลไม้จำใจ
ชีชูชกฟัง เจตบุตรวัจนัง จึงกล่าวปราศรัย
ว่าท่านพรรณนา หนมรรคาลัย ไม่มีสิ่งใด จักตอบแทนสนอง
มีแต่ข้าวตาก ข้าวตูหลายหลาก ขนมพิมข้าวพอง
อันนางอมิตดา แกล้งทำตำตรอง รับไว้กินลอง เล่นในกลางป่า
เจตบุตรพรานไพร ว่าข้าขอบใจ ธชีนักหนา
เชิญพาเอาไป เป็นเสบียงเบื้องหน้า เลี้ยงกายอาตมา ยามยากเดินไพร
ฝ่ายชีชรา ครั้นฟังพรานป่า แต่งตัวด้วยไว
จับโจงจั้งมั่ง เหน็บรั้งขวิ้นไขว้ แล้วยกย่ามใหญ่ ขึ้นใส่เหนือบ่า
จับไม้เท้าคด เยื้องย่องจ้องจด สอดใส่เกือกป่า
ทำประทักษิณ เจตบุตรสามท่า ว่าเราจะลา ท่านอยู่จงดี
แล้วจึงจรดล มรรคาพนาสณฑ์ ลอดลัดวิถี
เมินมุ่งหมายมั่น สำคัญกุฎี ตามคำพรานชี้ แนะแนวมรคา
จุลวันกัณฑ์จบ สามสิบห้าครบ กำหนดคาถา
กล่าวในมหาพน ต่อเรื่องเบื้องหน้า กัณฑ์นี้พรรณนา แต่พอประมาณ