๗.กัณฑ์มหาพน ๘๐ พระคาถา
- รายละเอียด
- หมวด: เทศน์มหาชาติ ๑๓ กัณฑ์
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 31 สิงหาคม 2556 23:21
- เขียนโดย manop
- ฮิต: 6262
กัณฑ์มหาพน
โสภารทวาโช ฝ่ายชีเชื้อภิกขาจารย์
เมินมุ่งพนัสภาร ทิศเฉียงอุดรจรเดิน
ชมหมู่คณาสัตว์ ในพนัสพนมเนิน
ห้วยธารละหารเหิน ชลเชี่ยวระรินไหล
นานาคณาร้อง สกุณก้องประกาศไพร
วังเวงวิเวกใน จิตลานตลึงฉงน
พวกผีผิวแผดคะนอง พยัคฆ์ร้องคำรามรน
ปีบร้องก้องไพรสณฑ์ สัตว์ซุกซ่อนขจรหนี
พราหมณ์เฒ่าไปก็ปลอด พยัคฆ์ภัยบ่พาลมี
รีบรัดลัดวิถี ลุถึงที่พระอาศรม
นักสิทธิ์อาจารย์ เฒ่าใจพาลก็ชื่นชม
น้อมกรานกราบประนม แล้วประพฤติปราศรัย
ข้าแต่มุนีนาถ ซึ่งจากญาติมาอยู่ไพร
กองกูณฑ์จำเริญใน ศีลสร้างบำเพ็ญเพียร
ฤๅมีสุขสวัสดิ์ ฤๅสรรพสัตว์มาเบียดเบียน
โรคร้ายให้อาเกียร บ้างแล้ฤๅเป็นไฉน
ฤๅคอยแสวงหา ผลพฤกษาที่ในไพร
เช้าเพลพออาศรัย จะเสาะแสวงก็ง่ายดาย
ช่างอยู่ก็ไร้เปลี่ยว องค์เดียวสันโดษกาย
โยมเห็นก็ไจหาย ศีรษะเสียวสยองขน
ซึ่งข้าธชีถาม ความสุขทุกข์ทังวล
ใคร่แจ้งอนุสนธิ์ แห่งนักสิทธิ์เนาใน
ปางนั้นมุนี ได้ฟังธชี ภิปรายปราศรัย
ถามถึงโรคา อาพาธภายใน สุขทุกข์โพยภัย ทเวศเคืองรำคาญ
ฝ่ายพราหมณ์มุนี ชื่นชมเปรมปรีดิ์ ปราโมทย์ตอบสาร
ดูราพราหมณ์เฒ่า ทางไกลกันดาร ประกอบภัยพาล พยัคฆ์ร้ายราวี
มาแต่แดนใด อยู่บ้านเมืองไหน ขอบใจธชี
ช่างบุกมาได้ ไม่กลั้วเสือสีห์ จรมาถึงนี่ ดลถึงสำนึง
สำนักนี้เรา ข้ามห้วยเหวเขา โตรกทางบางบึง
ใครหรือฦๅเล่า ฤๅเฒ่าเดินดึง จเจิงมาถึง อาศรมพนาราม
แต่ตูอยู่เถื่อน บ่มีใครเยือน ยลแยบไถ่ถาม
เหมือนหนึ่งธชี ไม่มีเลยพราหมณ์ เราค่อยมีความ สุขด้วยแสวงผล
ไม่มีโรคา อาพาธหูตา เลื่อยล่าร้อนรน
เราดีดอกเยาว์ แต่เนาไพรสณฑ์ ไม่แจ้งว่าตน เจ็บปวดอย่างใด
หนึ่งเหลือบยุงริ้น งูเงี้ยวเที่ยวกิน กบเขียดไนไพร
สิงเสือแรดช้าง ท่องเที่ยวอาศรัย ซอกซอนอยู่ใน วงกตคีรี
ฝูงสัตว์ทั้งหลาย บ่มาก็ลากลาย กลั้วเกลื่อนหลบหนี
ด้วยเดชะผล เราแผ่ไมตรี สวดพระกรณี กันภัยปวงปอง
นั่งเก็บผลไม้ ค่อยและเล็มได้ เช้าเพลพอคล่อง
ลางวันเหลืออีก โน่นแน่ก่ายกอง แต่ล้วนสิ่งของ พฤกษ์อันโอชา
เชิญพราหมณ์เข้าไป สู่โรงน้ำใน ชำระบาทา
ให้หมดมลทิน แล้วลูบกายา มันเท้าเสทา เหงื่อไคลราคิน
น้ำนี้เย็นใส อาบกินชื่นใจ ไม่มีมลทิน
เราไปตักมา แต่ตรอกคีริน พฤฒาอย่าถวิล อาเกียรณ์สิ่งใด
จงเลือกพฤกษา ตูมตาดแตงกวา พลับพลองเฟืองไฟ
มีทั้งผึ้งรวง ม่วงปรางสุกใส เกดกำลำไย ทุกสิ่งนานา
ฉันเล่นเถิดพราหมณ์ อย่าได้เกรงขาม เราเลยพฤฒา
เราให้อนุญาต ตามแต่ปรารถนา ฉันแล้วจึงมา สนทนาด้วยกัน
ปางพราหมณ์ฟังสารเกษมสันต์ แห่งพระพระสัทธรรม์
จึงกล่าวคดีตอบสนอง
ข้าแต่พระนักสิทธิ์ปอง อวยทรัพย์สิ่งของ
ให้ข้าธชีขบฉัน
พระคุณนี้นับอนันต์ มากมายมหันต์
ก็พ้นที่จะร่ำพรรณนา
คุณนี้โยมใส่เกศา โยมไม่เจตนา
ขอถวายไว้คุณขบฉัน
โยมนี้มีจิตผูกพัน คิดถึงจอมธรรม์
ธิเบศร์พระเวสสันดร
อันชาวกรุงไกรโกรธร ยอยกอธิกรณ์
ก็เนรเทศพระองค์มา
จากไอสุริย์วงศา พวกพลโยธา
คณานิกรสาวสนม
ได้แต่บุตรีทรามชม มเหสีบรม
ก็พากันมาสู่ดอน
เนาในวงกตสิงขร ทรงบรรพชากร
จำเริญเมตตาแผ่ผล
แม้นผู้เป็นเจ้ายินยล ว่าหน่อทศพล
สถิตสำนักแดนใด
จักไปนั้นใกล้ฤๅไกล แถวทางทิศใด
จงบอกมรคาโยมพลัน
เอ่อพราหมณ์กล่าวถ้อยคมสัน ถามถึงทรงธรรม์
จะประสงค์ซึ่งสิ่งอันใด
มาบ่เป็นบุญเลื่อมใส ชะรอยมีกิจใด
จึงมาผู้เดียวโทงเทง
ผมเผ้าผูกมวยเหมะเหม่ง รางร้ายโรงเรง
เป็นปุ่มเป็นเป่ารุงรัง
ควรฤๅไม่คิดอนิจจัง ยังเสาะแสวงหวัง
จักขออันใดโดยจง
ปางท้าวจากไอสุริย์วงศ์ ทรัพย์สินบ่มีคง
จะเอาอันใดออกมา
ได้แต่บุตรีบุตรา เมียมิ่งเสน่หา
มาอยู่ในห้องศิขริน
กูใคร่ดูใจพราหมณ์ถวิล จักขอหน่อนรินทร์
ทั้งสองเป็นทาสทาสา
มิฉะนั้นจักขอชายา ได้แล้วจักพา
จะพรากให้พลัดกันไป
ช่างไม่สังเวชอายใจ เธอจากเวียงชัย
เพราะพราหมณ์มันขอคชสาร
พวกอ้ายอัปรีย์ทั้งปราน เบียดเบียนเผาผลาญ
พระองค์ให้จากกรุงศรี
ยังไม่มีจิตปรานี แค้นด้วยธชี
ดูรุยังตามข้าขอ
จักพรากสองดรุณน้อยหน่อ ให้พลัดแม่พ่อ
ไม่เห็นสังเวชเลยพราหมณ์
ไยเฒ่าจึงมาไถ่ถาม ออกชื่อพระนาม
กูคิดก็เปลื่อนแปลกใจ
ปางเฒ่าธชีสดับ ยุบลแห่งมุนีใน
ตัดพ้อบ่ปราศรัย บริพาสนาการ
เจ็บแค้นยิ่งแสนสา- หัสเพียงอุราราน
จึงตอบยุบลสาร กลแกล้งจะเสสรวล
ไยพ่อประมาทโยม ระยำหยาบนี่มิควร
จงคลายหฤทัยหวน บริพาสนานำ
โยมไซร้จะตอบโกรธ บุรุษโทษยังเกรงกรรม
เกลือกกลัวมโนถลำ จะทนทเวศอยู่เนานาน
โยมใช่ทุรพลพวก พราหมณ์อันเที่ยวภิกขาจาร
โยมเชื่อมหาศาล บริบูรณ์ด้วยโภไคย
แค้นด้วยอ้ายเหล่าเวียง กะลึงคราชวิสัย
มาขอกุญชรชัย มงคลศรีเฉลิมเมือง
จนเธอนิราศสม ยศสนมใดแค้นเคือง
ทำทานจนจากเมือง จรเต้าสถิตไพร
ข้าเฒ่านี้สังเวช ปริเทวศร่ำไร
จนเลือดสุชลไหล ก็พิลาปละห้อยหา
ครวญถึงพระเวสสัน- ดรดวงหน่อกระษัตรา
เคยสนทนาผา สุกด้วยสบายกาย
โยมนี้ชาติชราจวน มรณาพิฆาตหมาย
อินทรีก็กลับกลาย สกลกายก็พึงชัง
ร่างร้ายบ่เป็นแก่น สริกองคือทุกขัง
ล้วนเครื่องอนิจจัง จะกำจัดอนัตตา
โยมนี้ก็สังเวช สลดใจด้วยสังขาร์
จึงละบุตรภรรยา มิตรญาติโภไคย
มาหวังจะฝากตั้ว วรบาทธิเบศร์ไท
เป็นที่พำนักใน วิมุติแจ้งทุกสิ่งสรรพ์
ถ้าแม้นพระคุณแจ้ง ตำแหน่งแห่งห้องหิมวัน
ช่วยชี้วิถีอัน ทิศนั้นให้แก่โยมไป
อจุตฤๅษี ฟังคำธชี ชูชกเฉลยไข
จึงให้พราหมณ์เถร ประดิษฐานใน หน้าบรรศาลัย ชี้ช่องมรคา
อะยังมัคโค อะกุถชีโน ไปถึงบรรพตา
คีรีบรรพต ปรากฏเห็นมา สีน่านน้ำถ้ำลา เหวห้วยตรอกธาร
พระสุรีย์แสงส่อง แสสายกระจายต้อง ศิลาหน้าผาร
ระยับจับสี มณีประพาฬ ดังแสงสุริการ ประทุมรุกโข
เปลวปลาบปะลิงดัง ระยับจับทั้ง บูรบรรพตโต
ประพริบพรอยพราย จับสายเสโล ชอ่ำรุกโข ชะอื้นติณณา
งอกเรียงเป็นแถว ภาคเผินเนินแนว ละแวกศิลา
เกศแก้วกระกุม ปุ่มลายทอตา กำจัดขัทีรา ศาลาเต็งรัง
ไผ่ผากรากตรวก ลิเภาเถาหมวก พาดพันกระสัง
มะยุมชุมแสง แพงพวยต้นตั้ง หลหาดเหียรหัง ภังคีสมีแสม
ประโดโคคลาน ทุเรียนต่อการ มะละกอสแร
สะท้อนสะเตียน อาเกียรณ์รำมะแข สูงสุดตาแล ยูงยางแกมกัน
ผลเงาะเชาะชุก ชลังลาดสุก ละมุดอินจัน
สะท้อนสะเตียน อาเกียรณ์หลายพรรณ ขนุนขนัน จำมคะสะเก
อำพาไม้ม่วง ผลดกเป็นพวง ตกกลาดม่ร่าค
มากมายหลายพรรณ หวานมันทั้งเพ กินเล่นสำเป หนาพฤฒาจารย์
ม่วงกล้วยม่วงคัน ม่วงคลาม่วงมัน จูบลอมหอมหวาน
แขกเต้าลืมรัง หัวช้างฦๅลาน พรวนทองจันทการ สามร้อยมีถึงผัว
พิมเสนสมศรี ลูกเติบโตรี หล่นรายรอบตัว
ถูกสองสามใบ เย็นใจยิ้มหัว ไปเถิดอย่ากลัว จะอดอาหาร
อันหมู่พฤกษี ยืนอยู่เทียมนี้ นะพฤฒาจารย์
ปลิดได้ใส่ปาก ไม่ยากใจนาน แล้วไปสถาน ณ สิงขรา
เปลวปล่องช่องใน คูหาอาศรัย กินนรปักษา
สนุกในเถื่อนท่อง ถ้ำทองคูหา รำฟ้อนร่อนรา ปีกหางสรงชล
สระมุจลินท์ ชมบัวบานบิน ลพันอุบล
แสงสายสวา บัวนางจงกล งอกแนมแกมปน แต่พรรณบัวขม
ริมฝั่งนที เกศตุมวรดี สนุกพึงชม
ร่มรื่นพื้นไม้ มีพรรณอุดม สุกรอมสุกรม พะยอมหอมมา
สอยสนสักโศก เงางิ้วดิวโดก ทองหลางก้างปลา
ตังหลกันเกรา สะเดาทุ่งฟ้า วิเวเพกา ขวิดขวาดดาษดง
ดังช่างชายดัด เกลี้ยงเกลาเสาฉัตร เสียงลันคันธง
สองข้างมรคา พฤกษาโศกสง บังแสงสุริยง เมื่อปัจจุสมัย
เทียงใชอัสดง ส่องแสงสุรีย์ส่ง ไม้ตองเนื้อใน
ร่มรื่นชื่นชม อารมณ์ผู้ไป เล่นสุขสนุกใน มรเคพเนจร
นี่แน่ธชี ตรงทักษิณชี้ โน่นแน่ะสิงขร
สุวรรณคันธมาส รุกขชาติสาธร เฟื่องฟุ้งขจร ทวยทศรสา
หอมเปลือกหอมใบ หอมรากแก่นใน ก็พีผลา
หอมยางหอมดอก เกสรลมพา ขจรจบป่า อาศรมฤๅษี
กฤษณาราเชน กะลำพักพิมเสน จรดอกกระขรี
จันแดงจันขาว ทองสังกรณี เจ็ดตภังคี ยากดำกำยาน
กระพี้สีเสียด ละมัดละเมียด โคคล้าโคคลาน
ทังเทพทารู ก้ามปูกระวาน พริกนกสคราญ เจ็ดหมู่ดีปลี
กระเภ่ไบดาด เพชรลังสังคาช ก็ตุกรูหีณี
ทังขอบช่นางแดง แพงพวยส่มี ทังณินโพศรี ภีสังลังก็ษา
เฉียงพร้านางแอ กำชำตำแย ชะดัดมัดกา
กุ่มน้ำมกุ่มบก กะทกรกพุทรา ภากรูดภาปลา สูภาจ่ไหน
หนึ่งตรีผลา ส่ม่ ่อัพ่ญา พีเภกเทศไท
มะรุมชุมเห็ด เปล้าน้อยเปล้าใหญ่ เปล้าน้ำเงินใบ หน้าทองเพริศพราย
บุกเถื่อนบุกรอ บุกคางคกบ่อ บุกรู้เหลี่ยมลาย
ตองเกรียดตองแตก ล่เม้าะช่เอ้าะลาย ช่เอ้าะน่กง่อกราย เรีองซำดำข้าว
โกศสอโกศบัว ส่ร่พรรแตห้ว โกศก้านมะพร้าว
ช่ลาลำภา พุงปลาชะโดขาว โกทว่านนอรกล้าว เย้าะเย่าภานี
ช่ราทังห้า ลูกโหระพา เบญกานี
โหราเดือยไก่ มฤคสิงคลี อยาหนูไบรี มโหราตีนหมา
ตาลดำตาลขาว ตาลหมากตาลพร้าว ตารเสียรตารนา
ตาลครอบตาลปิด ตาลดำตาลกา ตารหมอนเลีอยล่า ตางดอกแกมใบ
อันสรรพยา จำร่ำพรรณนา อเนกตราไตร
ในอรัญวา พนาเวศเขาใหญ่ พราหมณ์เอ้ยเอาไป เป็นโอสโถ
พิศหนีใส่กล้อน แก่แม่ลูกอ่อน ม่เรียนภุงโต
เป็นตานเป็นซาง เป็นป่างท่องโร พุงเป็นประโจ ผอมแห้งหือไอ
ฤศด้วงม้ ่ ่งคร่ ่อ เอ่นห่ดเอ่นห่ ่อ หูงนำมันไส
ล่มเลีอดเลีอยเขจ์ สรรพโรคภายใน เก็บได้สะพายไป รักษาเมียสาว
ดูราพราหเม จงฟังวัจเน แห่งเราอันกล่าว
กบิลว่าน ในสถานราว ปรานีเมื่อคราว แตกดอกออกใบ
ว่านมหากาล กำลังหนุมาน เพชญน้อยเพชญใหญ่
ว่านนาผาหมาก หน้าทั้งตังไคย หว้านง้วห้วไจ ไวญราบกำมลัง
ว่านอินทรชิต บังพระอาทิตย์ นางล่อมนางวัง
ว่านรายนางคลี ว่านศรีเมคัง นางกวักกำลัง พญาทรพี
ว่านนาคราช เพชญลังสังคาช ว่านกวาดธรณี
ว่านมหาเพชญ เพชญเหลือกเพชญตรี กำลังราชสีห์ มหาคงคา
ช้างเผือกช้างดำ กินเรศกำลัง พระรามรามา
ทั้งว่านงูเห่า ว่านเต่ามีค่า ว่านเหลือกว่านกา ผาหมากสำคัญ
ว่านนางเรียงหมอน ว่านกล่อมนางนอน รองทองแสงจันทร์
ว่านตรึงไตรภพ ก่บบายดารพัน สามตรึงต่อกัน กลมกลิ้งกลางดง
บ่ร่เพชญภุงช่าง ว่านงัวหัวคาง หว้านลูกไกส่ง
เสียงร้องเจียบเจียบ เรียบกับว่านคง อีกทั้งว่านดง ธรณีตรึงสา
ว่านหอมกระเทียม ว่านเปราะว่านเหลียม กระเทียมขึงขา
ไพลดำไพลเหลือง กระชายต่ปุดนา ว่านบิญกาลา ขมิ้นอ้อยขมิ้นชัน
ขิงแห้งพลูแก่ ช่เลีอนตำแย แดงขาวคายคัน
หีนศีลลาญ้อน บ่อนส้มส่มกัน หนอกฝาสุวัณ มาขีดเงินดำ
พร้อมมหากาล เป็นยาวิตถาร พฤฒาจารย์จำ
อายุวรรณะ รัชตะเป็นคำ แปรธาตุทำ ฆ์าช่างสารต์าย
ข้าประหรอดทอดแร้ เป็นโทสิทธิ์แท้ แล้วทำเป็นกาย
-ยสิทธิ์ต่อไป ลุดังใจหมาย ทำใดไม่ตาย ที่ในปัจจุบัน
อันพันลว่าน ครันจะทำข้างการ ให้คงกะพัน
ดูราชูชก เป็นยาแข็งขัน แคงพุงให้ฟัน โก้งโค้งให้แทง
อะยังพรัหเม พฤฒาจารีเย ตาชีผ่แดง
จงฟังวัจนัง มะยังจงแจ้ง พืชพันธุ์ระแหง ผ่นีช่กา
ในโบกขรณี มุจลินท์สระศรี มากพ้นคณนา
ผักบุ้งพุ่งยอด ทวยทอดเลื้อยลา ก้านเกี่ยวกันรา ร่น้ำมไสว
แพงพวยต้นขาว ก้านแดงต้นยาว โลดน้ำชูใบ
ระทวยระทด สดชื่นชูใจ จิ้มน้ำพริกใส ปากเคี้ยวนวดฟัน
แสงสายสวา งอกเซื้อยเลื้อยล่า ใต้น้ำแกมกัน
ผักตบผักปอด ถอนถอดมาฉัน ไม่คายคือฟัน คันเหงือกชีแก
สองแดงสองขาว รอยอดทอดยาว ในสระโน้นแม่
ทั้งบกทั้งน้ำ ตามพราหมณ์จะแล ผักรินลินแต ข้าวคันมันปู
ผักข่องผักเขจ์ ผักปอดผักเป็ด ส่ร่ภาโหมขรู
ผักเสี้ยนผักหนาม พราหมณ์ต้องลองดู ไว้สี่ห้าครู่ ควักกระบอกออกฉัน
อร่อยสิ้นที่ ลองเถิดธชี เปรี้ยวปากเข็ดฟัน
ไอ้ผักกาดหัว ตัวดีเหมือนกัน ชุบไข่ทอดมัน เล็บครุฑลั่นทม
ผักแกงผักเลียง ตักหมดซดเกลี้ยง ผักไหผักห่ม
พรรณผักในป่า เก็บมาสมลม ทั้งหวานทั้งขม ไม่พักทอดปลา
แมงลักผักชี จันหอมหัวปลี ภุมเรียงริมนา
อ้ายนี่ตัวกวด เป็นกระหมวดน้ำยา เสม็ดชุนป่า ชะพลูแกมกัน
ยังเล่าหมากเขือ จะเหนาะเปราะเหลือ ปากเคี้ยวนวดฟั้น
ถึงยังแต่เหงือก เลือกเอามาฉัน ยับย่อยดังจัน บดทำตำตรอง
ยังเล่าพรรณผัก เลื้อยล่าน่ารัก ฟักเขียวฟักทอง
ลูกเทากรรอ่อม ไหญ่ยาวราวกลอง แตงโมโตตอง ค้ากับแตงเตา
แตงส้มแตงใส แตงจีนลูกใหญ่ แตงไทลูกยาว
แตงกวาล่าเลียว หัวเขียวหัวขาว ยังเหล่ามะพร้าว ม่แพร้วทางเม
พร้าวเขียวพร้าวฝาด พร้าวสีพระบาท พร้าวนาลีเก
มะพร้าวน้ำหอม หมอมตาภุนเช หวานฉ่ำลำเภ่ ยิ่งรสทสกร
พี่ยืนแต่ดิน ยืนเล็บเก็บกิน ไม่อนาทร
ได้ดังใจหวัง ทั้งแก่ทั้งอ่อน ค่อยคลายหายร้อน อุทรอาจารย์
ยังเหล่าพันธุ์ส้ม แกงามอร่ามรม ชะชุกสุกหวาน
ส้มงัวส้มส้า ขีม้าสรรดาร มะงั่วนาวคล้าน ส้มแก้วแกมกัน
ส้มแป้นส้มโอ ดังปลูกลูกโต ส้มเกลี้ยงเพียงสัน
แป้นจีนส้มจุก สุกสุกหยุดหัน ปอกเปลือกเลือกฉัน มธุรสเย็นใจ
หมากนาวหมากกรูด ชะม่วงส้มพูด มะเฟีองมะไฟ
มะปรางมะปริง ตะลึงถึงระเมงไพร มะขามข้อใหญ่ ก็หลุมภีระกำ
กัทลีโย สองข้างมักโค ชะอื้นชะอำ
ออกปลีมีเครือ ออกชิดผิดสำ สุกแดงแสงดำ บรรต้นถึงมือ
กล้วยทองกล้วยบาง กล้วยไข่ใบบาง นมสาวลูกอือ
กล้วยตีบลีบลูก กล้วยน้ำนับถือ ผู้เฒ่าเล่าลือ สำหรับลูกอ่อน
ยังกล้วยงาช้าง กล้วยเขียวลูกก้าง ชดช้อยงามงอน
ยังกล้วยกินดิบ หยิบชิมดูก่อน หักมุกสุกอ่อน ปล้อนเปลือกเลือกกิน
กล้วยส้มสำเป ปิงเสียก่ ่รเนห์ พราหมเมอย่าถวิล
หวานสนิทติดใจ มาคว้าใคร่กิน หวานชิดติดลิ้น บ่นหายาใจ
ดูราพฤฒาจารย์ ในหิมพานต์มีสระใหญ่
เย็นฉ่ำอำมฤตใน เทว่ลูกค่ณีปาน
มัจฉาราหางหัว ว่ายยั้วในชลธาร
กระดิกหูชูเสร็จหาง ไล่กันเล่นแลเห็นตัว
ปลาพรมชมปลากา ส่วนปลาม้าชมปลางัว
กระโห้โผหุดหัว ไล่ปลาน้อยสอยส้ากิน
นวลจันทร์พันธุ์สวาย หางแดงลายล่องวาริน
ปลาหลดกดดำดิน คลั่กกินตมชมชูใจ
เพียนทองท่องเทียวไล่ กระแหว่ายเวียนวันไขว่
ลำปำก็คล่ำใน สินธูโบกขรณี
หลาวทองล่องเลี้ยวว่าย นางเงินไล่แหวกวารี
ปลาโสถโลดใสวี หางหูจับปลาไส้ตัน
ช้างเหยียบเรียบริมตลิ่ง กะตรับวิ่งแอบตลิ่งชัน
แก้มชำดำผุดผัน ลำภันซ่ ่รนอรในโพรง
ไอ้ด้งปลาธงพุก ทั้งปลาดุกปลาโชงโลง
กระสกปลากระโส่ง ตะโกงคล่ำดำกินไคล
ปลาหมอแลปลาแหม อีกปลาหมูชูหางไขว่
ปลาหลาดเกลื่อนกลาดไป คะนองไหวไล่ตามกัน
จระเข้เหราจร มังกรเกี่ยวเลี้ยวผาดผัน
ฉนากฉลามหัน เงือกน้ำว่ายไล่สำปา
มัจฉาอยู่ในน้ำ พี่จะร่ำพรรณนา
มากมายหลายพรรณปลา มิรู้ว่ากี่หมู่พันธุ์
จักกล่าวหมู่พันธุ์นก บินโผผกในไพรสัณฑ์
จับไม้ไร่เรียงรัน ในอรัญเวศสิงขร
ทุ่งเกรียนกระเรียนร้อง เสียงกึกก้องในอัมพร
การเวกราชปักษร อยู่ในเมฆวิเวกกาย
มยุราก็จาเทศ ทั้งโนเรศโนรีลาย
แขกเต้าสาลิกาไร่ บ่ลใมร้องส่งเสียงจ้า
ภูคคล่ ่อยู่จอแจ ฟังเสียงแซร่ในราวป่า
นกเปล้าเคล้าคู่มา กินลูกไม้ไล่ตามกัน
น่กต่ไหนไก่พญาลอ โพระดกถ่ ่อท้าเสียงสนั่น
ไก่แก้วจะแจ้วขัน จะเจียบเล่นเป็นเวลา
นกกระทาร่อนราปัก นกกวักร้องกวักกวา
นกเขาเขาชวา คู่กันเรียกเพรียกพร้อมไพร
................................ .....................................
นกเงือกนกร็งัง นกตะไนไต่เต้นมา
ยังเหล่าหมู่นกน้ำ อันชื่อปิยะบุตา
ชื่อปิยะนันทา สี่จำพวกร้องถวายพร
คือว่าราชหงส์ นกเป็ดน้ำสโมสร
คับแคกาน้ำร้อง ลงลอยล่องร้องถวายชัย
แด่สมเด็จพระเวส สันดรเพศนรากร
โอรสสองหน่อไท วรราชนาถมัทรี
ให้อยู่จำเริญสุข ในอรัญวนาลี
โรคภัยอย่าพึงมี แก่กษัตริย์ขัตติยา
ภายในอาศรมบท ท้าวตั้งพรตทำจรรยา
มีพัรร่ตีนนา งอกขึ้นแต่สี่องคุลี
มีพรรณนั้นหญ้าแพรก อันอ่อนนวลดังสำลี
เขียวขืนงามรูจี ดังขนสอยมยุรา
พรรณพฤกษ์อันมีลูก เธอก็ปลูกไว้รอบอา
ศรมบทหนึ่งศาลา อันมีกลิ่นกลีบเกสร
อัญชัญวัณลุะดี พิกุลเกศแก้วสลอน
สัตบุษพุดจีบซ้อน พุดจีนแกมแนมพุดลา
ประยงชงโคแกม มัทรำจำปีปา
เกียวชูซ่อรชุมบา ส่งสีแดงแสงเหลืองอ่ ่ร
ก็ดารงารำม่จ้วญ หวนหอมรสเร้าขจร
ภูตารทารร่วีว่ ่ร ลำดวนยวนอารมณ์
พฤกษ์พรรณหอมระรื่น ชมชูชื่นชายอาศรม
ส่องข้างพระจงกรม ร่มระรื่นริมขรณี
จงไปเถิดพราหมณ์แก่ ตรงนี้แน่มรคี
อันน้อยค่อยบทลี เข้าไปสู่สิงขรวง
จักถึงอาศรมบท ปรมนาถบรรพชิตปลง
พระทัยท้าวจำนง สร้างสมณะธรรม์
โสชูชกโก ฟังวัจโนแล้วก็จำ
คำรพนพนอบอำ ลานักสิทธิ์จากอาศรม
แล้วทำประทักษิณ คำรพสามตามนุกรม
พราหมณ์เฒ่าเข้าพนม พนาเวศเดินด่วนมา
แต่เช้าจนสายัณห์ แลเห็นบรรณศาลา
เออใกล้แล้วสิวา พราหมณ์ชราก็ชื่นชม
มหาวัณนิถิตา พระคาถาแปดสิบสม
ดาบสมานิยม มรคาให่แก่พราหมเณ