๕.กัณฑ์ชูชก ๗๙ พระคาถา
- รายละเอียด
- หมวด: เทศน์มหาชาติ ๑๓ กัณฑ์
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 31 สิงหาคม 2556 23:21
- เขียนโดย manop
- ฮิต: 5345
กัณฑ์ชูชก
ตะทากาเล กะลิงครัตเถ ทุนวิตถะคามัง โสพราหฺมโณ
ยังมีพราหมณัง ชื่อชูชะกัง อยู่ในคาเม
บ้านทุนนะวิฐ ฝ่ายทักขิณทิศ ชิดกับนัคเร
กะลึงคราษฎร์ เชื้อชาติพราหฺมเณ หิณชาติโวเว เร่เที่ยวภิกขา
ส่วนพราหมณ์ชูชก ชาติเปรตเศษนรก แรกเริ่มเดิมมา
เอาปฏิสนธิ์ ในครรภ์มารดา ดังอุปัทวา โรคร้ายริบเรือน
ปู่ย่าตายาย ป้าน้าพ่อตาย เจ้าหนี้มาเตือน
ทรัพย์สินฉิบหาย วัวควายตายเกลื่อน ยังแต่แม่เพื่อน ยากเย็นเข็ญใจ
ครั้นเกิดธชี นางพราหมณี แม่เฒ่าตายไป
ลูกรักษาหลาน ขอทานจนใหญ่ ยากเย็นเข็ญใจ เหล่าวงศ์พงศ์พันธุ์
เติบหน้ากล้าแข็ง ทะมัดทะแมง โตดำล่ำสัน
ดังหุนแพ้วน่ก ทระงกทระงัน ระรัวตัวสั่น คือดังผีสาง
เป็นแปลงเป็นปลัก เป็นรังเหาคลั่ก กล้างเกลี้ยงเพียงภาง
ยังแต่ขนอก ดังแกล้งถอนถาง ปากหนวดเคราคาง โรมรกพกพัว
หูยานยาบโยก ฟันฟางโสโครก น้ำลายไหลซัว
ปากปกปิดตำ เว้าว้ำพึงกลัว จมูกทรุดตาถั่ว หลิ่วเหล่เภ่การ
คดขาคดแข้ง หืดหอบบอบแรง ไม่เท่าเกาตราน
สะพายย่ามละว้า เที่ยวภิกขาจาร เชิงเช่นขอทาน แยบคายเพื่อนขยัน
รูปตัวชั่วช้า ตะแกอุตส่าห์ เรียนครบสบสรร
อวดอ่านไตรเพท พราหมณ์เลศครบครัน ท้ายสูรย์ท้ายจันทร์ ชะตาราศี
รู้ดูนรลักษณ์ ชั่วดีรู้จัก บุรุษกระษัตรี
แบมือดูลาย ท้ายต้องทุกที รู้ครบจบที่ อาคมประสมยา
เสน่ห์เล่ห์ใช้ สาวแส้แม่ไม้ ทุกร้อนมาหา
เมียน้อยเมียหลวง ผัวร้างผัวหย่า แป้งน้ำมันทา ทีเดียวได้กัน
รู้พลอดรู้เกี่ยว แกอุตส่าห์เที่ยว ขอทานทุกวัน
ทีเฟื้องทีไพ เรี่ยไรได้ครัน ทุกสิ่งสารพัน น้อยนิดติดมือ
ขอยับขอย่อย ขอเล็กขอน้อย เก็บเล็มเต็มถือ
ในย่ามละว้า ถ้าเผยออกฦา แม้นว่าจะรื้อ ยี้ก็วาก็เชีอเตีบ
ดีปลีตรีตุก เครื่องแห้งแย่งจุก ย่ามยัดเต็มเติม
น้ำเต้าแตงสด ปดซำมาเทีม โลภเหลือเพื่อเพิ่ม เพียบพูนถุงพราหมณ์
วัดวาเร่ซุก ข้าวสารข้าวสุก เดนบาตรปะปาม
ใดน้อยใส่ปาก ใดมากใส่ย่าม ตะพายรุ่มร่าม รุงรังยังเรือน
เก็บหอมรอมรับ ทานมาเป็นทรัพย์ เนื้อทองของเพื่อน
ได้ร้อยกระษาปณ์ ลาภมาถึงเรือน เกิดกรรมจำเตือน ให้ร้อนรนใจ
จะไว้กับตัว ในจิตคิดกลัว โจรกรรมทำภัย
เร่เที่ยวภิกขา จะพาเอาไป คิดไม่ไว้ใจ ระคางกลางหน
เอาไว้เห็นจะยากแก่ตน คิดรำพึงฉงน ใจแล้วจึงเอาถุงทอง
ทั้งร้อยกระษาปณ์โดยปอง ไปฝากแกสอง สกุลพราหมณ์มิตรสหาย
ฝากฝังสั่งเสียมากมาย แล้วลาพราหมณ์ไป คนเดียวไปเที่ยวภิกขา
ช้านานประมาณเต็มตา ปีแล้วมิมา แต่เร่ซุกซอกซังไป
ทุกคามาเมืองน้อยใหญ่ ได้เหล่าเฟืองไฟ ใส่ย่ามยังไม่เต็มที
ปางสองผัวเมียพราหมณี รับทองธชี ดังไฟใส่สุมเคหา
พิรุธทรุดโทรมเต็มประดา คอยไม่เห็นมา ฤๅเฒ่าชรามรณัง
ยากจนทุรนภายหลัง จึงเอาทองทั้ง ร้อยกหาปณะไปขาย
ของชีชูชกฉิบหาย เอามาเลี้ยงกาย เมื่อครั้งคราวโซทรุดซา
ปางเมื่อชีชูชกา เร่เที่ยวภิกขา ช้านานคำนึงถึงทอง
อันฝากแก่พราหมณ์ทั้งสอง จับย่ามขึ้นคล้อง คอแล้วเฒ่าถือแถกมา
ครั้นถึงคาเมเคหา จ้องจังรังรา ยืนแอบแทบที่บันได
ร้องโกญจาถามไป ว่าเหม่นั่นใคร พราหมณังยังอยู่หรือหนา
สองพราหมณ์ผัวเมียตกประหม่า คิดกันไขว่คว้า หลบหลีกก็จวนเจอะตัว
ขานมาอยู่ค่าเจ้าขรัว ทั้งสองเมียผัว ออกมารับพาขึ้นเรือน
นั่งไม่ถึงฟากปากเตือน ทวงทองของเพื่อน ซึ่งฝากไว้นั้นเอามา
ให้แก่เราเร็วเถิดหนา จักจวนเวลา จะคืนเคหาเราพลัน
สองพราหมณ์ผัวเมียอัดอั้น ปรับทุกข์แก่กัน ว่าเราจักคิดไฉนดี
จึงอวยอิดออดวาที ปลอบโยนธชี ข้าเจ้าจะเล่าให้ฟัง
เมื่อครั้งฝนฟ้าแห้งทั้ง เมืองทุพภิกขัง จึงเอาทองท่านขายกิน
ทั้งร้อยกระษาปณ์สูญสิ้น โปรดข้าอย่าถวิล ปีหน้าจะหาทองแทน
ขายสวนไร่นาที่แดน มาแก้ยากแค้น ดอกเบี้ยค่าทองของตา
ชูชกฟังผัวเมียว่า ดังหนึ่งใครมา เอาเหล็กอันแดงแทงหู
ว่าเอ็งเอาทองของกู มาว่าถ้าสู ไม่ให้จะได้รำคาญ
กูจะคร่าพาไปโรงศาล แพ่งนครบาล ให้ใส่ด้วยพระกิภืา
ขี้ฉ้อเถียงพ่อเถิดหวา กริ้วโกรธเฒ่าด่า บ่นว่าพึมพำคำราม
ผัวเมียทั้งสองสกุลพราหมณ์ ได้ฟังคุกคาม ต่างตนต่างตกใจสั่น
เห็นชีชูชกขบฟัน ดังหน้ากุมภกรรณ เมื่อต้องพรมมาสตร์พระนารายณ์
ตาเหลือกหลุนลันสั่นกาย ผัวเมียขวัญหาย ก็แล่นเข้าในเคหา
ดูทรัพย์สิ่งสินอาตมา วิตกวิจา ไม่มีอันใดควรการ
เห็นแต่ถ้วยร้าวชามราน ภ่อเนียงหม้อตาล ปากแหว่งปะแกงร้ายไม้ฝา
จุกจิกเล็กน้อยผรำผร่า มันไม่เข้ายา จะตีให้ค่าทองชี
ชูชกว่าเหม่พราหมณี ผัวเมียช่างหนี เข้าเร้นอยู่ในเคหา
ทำไมกรุกกรักอยู่หวา เร่งเร็วออกมา ช้าอยู่กูจักพาไป
สู่ยังโรงศาลวินิจฉัย เอาตำรวจใน มาลากไปพิจารณา
อ้ายผัวเอาตัวใส่คา ฝ่ายอีภริยา ใส่ขื่อให้ง่าขาเดียว
ผัวเมียฟังถ้อยใจเสียว ของดสักประเดี๋ยว แล้วชวนกันนึกปรึกษา
จะให้นางอมิตดา ไปเป็นทาสา ค่าทองของท่านธชี
พราหมณ์ผัวกลัวรับว่าดี อีเมียวางรี่ ออกมาหาเฒ่าเจ้าทอง
นั่งใกล้ไหว้ร้องปรองดอง ท่านตาอย่าปอง ทำโทษใดโปรดเถิดหนา
จักให้ลูกรักเสน่หา ชื่อนางอมิตดา ไปเป็นทาสาค่าทอง
ธชีฟังนึกตรึกตรอง จะเอาคนฤๅทอง ข้างไหนจะดีกว่ากัน
คิดแล้วจึงว่าไปพลัน อมิตดานั้น หนุ่มแก่จะปูนปานใคร
รูปร่างเจ้าจะกระไร เข้าออกนอกใน ฤๅควรจะใช้ทิ่มตำ
ส่วนนางพราหมณีฟังคำ ชั่วดีก็จำ จะให้ท่านแลดูก่อน
อมิตดาลูกข้ายังอ่อน หนุ่มน้อยอรชร ชันษาสิบห้าปีใหม่
ชูชกขยิ่มยิ้มในใจ แล้วว่าเออไป หาตัวมาลองแลดู
พราหมณีได้ฟังชีชู ชกว่าก็จู เข้าไปในเรือนอาตมา
สวมกอดเอานางอมิตดา พิไรพรรณนา ว่าเจ้าแม่นี้มีกรรม
ปองไว้ไม่ได้เหมือนคำ อกแม่ดังตำ ด้วยสากสะเทือนอุรา
ด้วยเฒ่าชีชูชกฉกา ว่าพ่อแม่มา เอาทองของเขาไปจ่าย
อ่างเก้าะอ่างจำรายมาย ได้ความฉิบหาย จงเจ้าช่วยเปลื้องทุกขา
ไปอยู่ด้วยพราหมณ์ชรา กว่าจะถึงปีหน้า จะหาทองได้ให้เขา
ธชีแกดีดอกเจ้า ไม่หนักไม่เบา ไม่ใช่ชอกช้ำระยำใจ
อมิตดาดาลโศกาลัย จำเป็นจำไป จะทำไฉนนะแม่อา
ทองท่านเอาไปซื้อหา เครื่องเหย้าข้าวปลา มาเลี้ยงลูกใจเป็นตัว
จะไปเป็นทาสไม่กลัว เกลือกจะเล่นเป็นผัว ลูกนี้ยังน้อยอ่อนความ
พ่อแม่แล้วจำตาม ไปเป็นข้าพราหมณ์ ตามกรรมของข้าแต่หลัง
สกุลพราหมณ์ผัวเมียได้ฟัง ลูกสาววัจนัง ร้องไห้พลางแต่งอมิตดา
ให้นุ่งผ้าเชิงเจ้าพญา ห่มศรีกุหร่า หน้าข่ายระบายเลียบทอง
หวีผมเกล้ามวยสวยช้อง ผัดหน้าผิวผ่อง เอาขมิ้นเป็นเนื้อเจือทา
เรื่อเรืองเหลืองแลลานตา ตบแต่งลูกยา ของแกแต่ครั้งมั่งมี
เอามาให้ลูกสาวศรี ร้องไห้ยู่ยี่ ก็ชวนกันออกมาสู่
ชูชกเห็นฬ่อแต่ประตู เฒ่ายิ้มถึงหู เสียวสั่นระรัวทั่วกาย
ชะงามกระไรใจหาย กูจักทุบาย บิดเบือนเชือนแชแลสาว
พราหมณ์สองผัวเมียจึงกล่าว ลูกของข้าเจ้า ให้เป็นค่าทองของตา
จักให้เป็นทาสทาสา ตามแต่ปรารถนา หม่อมตาจะโปรดปรานี
อันลูกของข้าคนนี้ ได้สิบห้าปี มีผู้พูดจาขอสู่
แต่ล้วนลูกหม่อมนายประตู ฉุยฉายใครจะสู้ รู้แต่จะสานกระบุงขาย
ทุนสินสิบห้าจะให้ แต่สงวนลูกไว้ จนได้ตกยากยับลง
พูดพลางเคล้าน้ำตาผง มีกรรมจำส่ง ให้ลูกแก่ท่านพฤฒา
ชูชกนึกในปัญญา แล้วแสร้งแกล้งว่า อันเจ้าอมิตดานารี
เป็นเด็กอ่อนการกระสัตรี ไม่ควรค่าหนี้ ทองเราทั้งร้อยตำลึง
แต่ข้าคิดมาทีหนึ่ง ครั้นจักแข็งขึง ท่านเล่าก็สนจนใจ
เราจักเสียทุนกำไร จำขืนเอาไป แต่พอหุงข้าวต้มแกง
อมิตดาสาวน้อยค่าแพง จะไปก็แต่ง ตัวเถิดก็จวนเวลา
ได้ฟังชีชูชกา อมิตดาลา พ่อแม่แร่ไปตามพราหมณ์
ปางชีชูชก มือสั่นงกงก ยกเอาถุงย่าม
เสบียงแหวี่ยงบ่า คว้าไม้เท้าง่าม ตราน๊จ้องย่องข้าม นอกชานลงมา
ถึงหัวบันได ยื่นมือขึ้นไป รับเอาอมิตดา
แล้วนำนางสาว เดินเหย่าออกมา เหลียวหลังเหลียวหน้า เล็งแลรอบตัว
กลัวอ้ายบ่าวบ่าว สะทกสามหาว ชายตรอกนอกรั้ว
เข้ามาเลียบแพละ แวะส่ายเล่นหัว ง่าตะบองป้องตัว ตะเก้ตะกัง
คลาดสักสองศอก อ้ายเฒ่าหัวหงอก ละล้าละลัง
ให้นางเดินก่อน ย้อนมาอยู่หลัง รีบร้นมายัง ทุนวิฐคามา
ชี้ว่าโน่นแน่เจ้า เรือนของพี่เฒ่า ที่เห็นหลังคา
ว่าพลางทางนำ เจ้าทองอมิตดา ขึ้นสู่เคหา อันร้ายโปรงเปรง
เฒ่ารังภีราบ ไม้ผูกกระหนาบ ฝาฝืนโหรงเหรง
ไม้ไหล้หักห้อย ระโนงโตงเตง อ้ายเฒ่าเฉงเลง สร้างไว้หลายปี
นางอมิตดา อยู่ด้วยพราหมณา ดังนอนกับผี
เหม็นสาบเหม็นสาง นางไม่ดูดี ดึกดื่นดังผี แฝงด้ำชะอำ
ตกใจร้องกรีด ตวาดหวาดหวีด ว่าอย่ามาทำ
ผู้เฒ่าเจ้าเล่ห์ โว้เว้ผิดสำ ชูชกลูบคลำ แม่เอ๊ยอย่าอึง
ยกมือขึ้นพาด อมิตดาตวาด ใครนี่หน้าขึง
พราหมณ์ว่ากูต้อง ค่าทองทีหนึ่ง อมิตดาหยิกทึ้ง ให้แล้วนึงนอน
แต่นั้นอมิตดา ปฏิบัติรักษา มิให้อาวรณ์
ตามเลศกระษัตรี มีมาแต่ก่อน อยู่สุขสโมสร ด้วยชูชกา
กล่าวถึงพราหมณ์หนุ่มหนุ่ม อันประชุมในคามา
เห็นนางอมิตดา ทำปรนนิบัติแก่ธชี
ชูชกพฤฒาจารย์ ตามโบราณประเพณี
ดูเลศกระษัตรี มีผัวร่วมรสรักกัน
ตริแล้วกล่าววาจา แก่ภริยาของตนพลัน
พวกสูดูเยี่ยงกัน กินเพร้ะชายสบายแด
ทอหูกแต่ละเส้น เล่นลอดเล้นเล่ร่างแห
ทำการสิ่งใดแช ไม่เป็นอิมิเป็นอัน
แต่งตัวไปตลาด กรกรายนาฏตาเมลียงมัน
หยิบไนมาจะปั่น หันสองโกรกโงกข้างภาร
เชิงชั้นขยันดี ถ้ารู้ว่าจะมีงาน
มหรสพในราชฐาน การสมโภชโขนละคร
ยังรุ่งนอนมิหลับ ขยับตัวที่จะจร
ประจุใส่มตืนแต่นอน ชวนเพื่อนสาวคราวโขนไป
มโนราลาโรงค่ำ ย่ำฆ้องแล้วจึงมาใน
ล้างมือเปิบเข้าใส่ จนท้องเต่งเด้งพุงนอน
ไม่เอาธรรมเนียมนาง มิตดาดูเป็นครูสอน
น่าแค้นหญิงแสนงอน อีคนชั่ววอนผัวกิน
ทำให้เสียตระกูล ประยูรชาตืเชื้อวงศ์สิ้น
คนเฉาเหล่าทมิฬ หินชาติใช่กระษัตรี
ด่าพลางทางยกศอก กำหมัดง่าตั้งท่าตี
ปะเตะต่อยเข้าทันที เสียงอึงมี่ทั้งคามา
ส่วนนางพราหมณี เหล่ากระษัตรีที่ผัวด่า
เป็นหมู่กรูกันมา พร้อมพรูพรั่งนั่งคิดกัน
ว่าครั้งนี้เป็นไฉน ผัวเราใส่ร้ายรุกรัน
ข่มเหงหุนโมหันต์ มันถองเล่นเช่นข้าไท
เหมือนหนึ่งเพื่อนเสียจริต กินยาผิดเมามัวไขว่
เหตุนี้เกิดด้วยใคร เพราะหญิงชั่วตามผัวมา
จำเราจักชวนกัน ไปท่าอยู่ที่ตีนท่า
คอยเมื่อมันลงมา จะแดกด่าให้หนำใจ
ถ้าว่ามันต่อสู้ เราจะกรูเข้าผลักไส
ตบตีต่อยหัวให้ อีขี้ร้ายช่างทำลาง
กำจัดเสียจงได้ ละเอาไว้จะเป็นอย่าง
ใช่ขอเข้ามาขวาง อวดว่าพี่รู้รักผัว
ถ้าหยิกมันเสียได้ เราทั้งหลายจะเป็นตัว
ร่วมสุขอยู่ด้วยผัว สโมสรดังก่อนเก่า
ชวนกันแต่งตัวเข้า อย่าช้าเลยเหวยพวกเรา
โกรธใจดังไฟเผา ถกเขมรมั่นรันรีบมา
เพลาสุรีย์ร้อน ค่อนเที่ยงใกล้จวนเวลา
ฝ่ายนางอมิตดา จับกันออมแล้วจรดล
จากแต่เคหาร้าย ทอดกรกรายมาตามถนน
ถึงหาดทรายชายชล ตักน้ำอยู่แต่ผู้เดียว
พราหมณีเข้าล้อมกลุ้ม ล้วนหนุ่มหนุ่มอีหมู่เพรียว
ถกเขมรมั่นเป็นเกลียว ตบมือรำทำเพลงมา
แต่พวกนางพราหมณี อีกะหรี่เหล่าผัวด่า
เป็นหมู่กรูกันมา รุมตัดพ้อเยาะไยไพ
ว่าเหวยหญิงอัปรีย์ รูปร่างดีกูขอบใจ
ช่างอยู่กันกระไร กับผัวเฒ่าเคล้าคลึงชม
อุตส่าห์กล้าทายาด ทั้งมารยาทก็สบสม
เลี้ยงผัวว่าจะชม รูปแลรสวาจา
ช่างนอนกันยังรุ่ง เมื่อเหม็นฟุ้งซาบนาสา
เสพย์สมภิรมยา กันกระไรตั้งใจลง
ฤๅว่าเจ้าวุ่นไขว่ พ่อแม่ไซร้จึงเสือกสง
ให้เฒ่าอัปมง- คลทมิฬสิ้นชั่วพราหมณ์
แกเฒ่าคราวปู่ตา ช่างเสน่หาอีส่ำสาม
ชาติชั่วตัวตะกราม ไม่สงวนกายให้เฒ่าโลม
ตัวเจ้าสิหนุ่มน้อย ไยไม่คิดเสียดายโฉม
เมื่อเฒ่าเขาแพละโลม เล้าเล่นเล่ห์เสือจับชาย
น่ากลัวผัวของเจ้า เราคิดเล่าก็ใจหาย
ช่างกระไรไม่รู้อาย แกเพียรสาวคราวคราวนาง
แม้นว่าไม่งามแง่ ถึงเฒ่าแก่แต่ปานก้าง
ที่ไหนปลื้มใจนาง รักร่างเฒ่าร้ายบัดสี
ดังหนึ่งนกกระตรุม หัวล้านแร้งอันกินผี
มาสมด้วยโนรี พวกแขกเต้าสาลิกา
ตัวเจ้าสิบห้าปี ธชีแปดสิบชันษา
ยี่สิบปีข้างหน้า จะครบร้อยประสมกัน
ช่างได้ผัวโอ่งโถง ชะโงกโลงอยู่ทุกวัน
วาสนามาได้กัน กับเฒ่าพราหมณ์งามสมตัว
พาเร่เซซังมา ร่วมเคหาเป็นเมียผัว
ด้วยฤามามืดมัว ตัณหาเม้าเข้าใจจริง
หล้าหนึ่งล้วนปากกล้า ร้องชี้หน้าว่าพาหญิง
ละวนสิ้นจนจริง วิ่งตามเฒ่าเฝ้าชมเชย
หมู่หนึ่งดึงเข้ามา ค้อนควักหน้าบุ้ยปากเย้ย
ร้องว่าแน่นี่เหวย ยืดนิ้วผีชี้นิ้วเดียว
ว่าเฮ้ยอมิตดา ชังน้ำหน้าอีขนเพรียว
ความอายไม่มีเจียว จะเหลียวหน้าหาใครดี
มิไปหาคณาวงศ์ มาหลงรัก ทรลักษณ์ชี
เห็นอะไรไยยินดี ที่เพลิดเพลินจำเริญใจ
ชาติก่อนโพ้นโน้นเล่า ใดบูชาดอกมาลัย
โรยร่วงแก่พระตรัย รัตนเจ้าโดยมฤทู
บูชายันตเพศ เมื่อสุริเยศลับเมรู
กาเฒ่าบินเข้าจู่ เจาะจิกเครื่องบูชานาง
ชาตินี้จึงมาได้ สามีภาพสำอาง
ทรัพย์สินสิ่งสล้าง ทั้งห้องหอพอพึงใจ
จึงไม่ไปหาญาติ อยู่สังวาสพราหมณ์จังไร
ยินดีด้วยสิงใด ลืมพ่อแม่แลวงศา
อมิตดาได้ฟังความ พราหมณีมันร้องด่า
เจ็บแค่นยิ่งแสนสา- หส อดกลั้นกลับมาเรือน
ครั้นจะตอบตามชอบผิด คิดว่าตัวไม่เหมือนเพื่อน
ร้องไห้มาใกล้เรือน เหมือนเหยียบผิดพระสุธา
ชูชกคอยหน้าต่าง แลเห็นนางอมิตดา
เดินพลางทางโศกา หน้ายู่ยี่พิไรคลอ
น้ำตาโอบคางย้อย นางสาวน้อยเป็นไฉนหนอ
กุ้งบกคางคกฑ่ ่อ ปะเป่าลอดตอดเนื้อใน
ปลาดุกแทงปลาแหยงยอก ตะตำตอกต้องหนามไหน่
ปลากดหลดไหลไช ฤาพรายน้ำย้ำยุดเอา
เจ็บถนัดเห็นขัดข้อง จึงเดินร้องมากะออมเปล่า
ขึ้นมาหาพี่เฒ่า จะปัดเป่าใส่หยูกยา
ฝ่ายนางพราหมณีอมิตดา ฟังพราหมณ์ถามมา
ทรุดนั่งสะอื้นตอบคำ
ว่าเหวยพราหมณ์เฒ่าเจ้ากรรม แต่เทียมกูจำ
ความได้ไม่ใคร่ด่าตี
มาอยู่ด้วยเฒ่าอัปรีย์ เจ็บช้ำเต็มที
แค้นคาคิดน่าอดสู
วันนี้พราหมณีทั้งหมู่ มันรุมด่ากู
ว่าเลี้ยงผัวเฒ่าส่ำเสีย
ตัวกูไม่อยู่เป็นเมีย ทนอายตายเสีย
ประเสริฐดีกว่าเขาด่า
เป็นกรรมแก่ท่านแล้วอา จารย์เฒ่าชรา
ไม่ขออยู่ด้วยธชี
ถึงตายไม่แลเลยพี่ จะลอบหลบหนี
ไปหาพ่อแม่ดังก่อน
ถ้าท่านรักจริงจงผ่อน อย่าได้หยุดย้อน
ไปหาข้าทาสหญิงชาย
เอามาส่งให้กูใช้ ต่อหนึ่งจะได้
ตัวกูไว้อยู่ด้วยพราหมณ์
ชูชกครั้นได้ฟังความ โกรธคือไฟลาม
เหม่พราหมณ์เหล่านี้เจ้าเพลง
อุเหม่มันไม่กลัวเกรง พวกอีกลักเลง
จะเคร่งทั้งบ้านสักวัน
น้อยฤๅไม่เกรงใจกัน เช่นนี้กูคัน
หัวอกกูพ้นพันทวี
เสือเฒ่านอนอยู่ดีดี เอาไม้แยงตี
เหล่าอีพวกพาลแพศยา
แต่กูอดใจหนักหนา เจ้าอมิตดา
นิ่งให้มันมาด่าไย
ด่ามาด่ามั่งเป็นไร ตีมาตีไป
ตบมาตบมั่งอย่าขาม
ผิดนักแต่จักเป็นความ พี่จักแก่ตาม
พวกพราหมณ์ขี้ร้ายรุมด่า
นางว่าแต่นี้ไปหน้า ฟืนผักหักหา
ตีนท่ากูมิอยากไป
ทิ่มตำตักน้ำขอไฟ อดอยากช่างใจ
กูไม่หาหุงให้กิน
พราหมณ์ว่ากระนี้อย่าถวิล อันงานการกิน
พี่จักทิ่มตำทำต่าง
อยู่แต่ในห้องเถิดนาง หวีเกล้าผมสาง
ส่องกระจกยกปีกผัดผง
ขมิ้นน้ำมันบรรจง ลูบไล้โลมลง
ให้หอมตลบอบใจ
ข้าหญิงข้าชายที่ไหน ไม่มีเงินไถ่
จะให้เจ้าใช้ต่างมือ
ทั้งเหย้าเจ้าไม่เห็นหรือ จำหน่ายจ่ายซื้อ
ทั้งย่ามหาไม่สักไพ
อุตส่าห์เพียรพยายามไป ปีหน้าฟ้าใหม่
จะได้เด็กใช้สักคน
ปีนี้พี่ยังขัดสน ด้วยลัคนาดล
ตกมังกรกดร้ายแรง
หมอบูรณ์พราหมณ์ทายหลายแห่ง ปลายปีชี้แจง
ว่าดีเจ้าอย่าวิตก
จะได้เป็นเจ้าขรัวชูชก มีทรัพย์มรดก
เมียสาวราวร้อยษำเป
แล้วเจ้าจะหึงทำเสน่ห์ เจ้าอยู่แต่เค-
หาพี่จะทำการต่าง
เป็นข้าหญิงชายใช้นาง ทำตามแรงพลาง
กว่าจะพ้นพระเคราะห์คราวรุม
อมิตดาโกรธคือไฟสุม ว่าเฒ่าทำหนุ่ม
พูดจาอ้าอวดโอ่งโถง
เมื่อเฒ่ายังแต่จะเข้าโลง กงเก้อเกินโกง
หน้านี้ฤๅจะมีเมียสาว
อมิตดาตัดพ้อว่ากล่าว วันนั้นเทวท้าว
อำมรินทร์เธอมาดลใจ
ให้นางพราหมณ์นึกเห็นไป จึงบอกเฒ่าไว้
ว่าพระบรมธานา
ธิเบศร์เวสสันตะรา ทรงพระสัทธา
มิได้ตระหนี่ในทาน
จนช้างปัจจัยพญาสาร เป็นสัตสดกทาน
ทรงยกให้พราหมณ์พฤฒา
แล้วยังทรงพระจินตนา ว่าจะใฝ่หา
อัชติกะทานภายใน
บัดนี้ท้าวเสด็จออกไป ทรงบรรพชาใน
วงกตบรรพตคีรี
กับด้วยวรนาถมัทรี อีกพระชาลี
ศรีรัตนแก้วกัณหา
ท่านจงเร็วเร่งคมนา ไปขอหน่อนรา
ธิเบศร์ทั้งสองพระองค์
มาให้กูตามจำนง เห็นเราจะคง
อยู่เรือนเพื่อนเฒ่าแลนา
ชูชกลูบอกแล้วว่า โอ้เจ้าอมิตดา
ด้วยฤๅจะใช้ให้ไป
หิมเวศทุเรศทางไกล กันดารสถานไพร
ไกรสรสิงหราชสิงเสือ
แรดโตโคควายร้ายเหลือ ไปแล้วกี่เมื่อ
จะคืนมาเห็นหน้าเมีย
แกล้งใช้ให้ไปตายเสีย ดังค่าห้าเบี้ย
ไม่คิดสักเท่าไยยอง
สูญเสียทรัพย์ร้อยกษาปณ์ทอง ด้วยฤๅคิดปอง
ใช้ให้ไปตายเสียเปล่า
กินเช้าถึงค่ำทำเนา ระทดอดเอา
ไม่ให้เจ้าแค้นคาแด
ขึ้นกระไดไต่ราวเจ้าแล หิวหอบห่อแห
กว่าจะถึงนอกชาน
ขยดคอยอุตส่าห์คลาน ไม่เท่าจองตราน
เข้าในไสเยศที่นอน
ปรานีงดพี่ไว้ก่อน เถิดเจ้าจงผ่อน
ให้ทำสิ่งใดก็ตาม
นางอมิตดา ฟังปลอบตอบว่า เหวยตาเฒ่าพราหมณ์
อุบายไม่ไป ว่าไกลใจขาม งุนงันครั่นคร้าม อิดออดว่าไกล
เฒ่าตอบยุบล ว่าพี่นี้จน หนทางจะไป
เขาวงกตนั้น มันอยู่ตรงไหน อมิตดาจึงไข ผรุสวาจา
ดูราพราหมณ์เฒ่า ตัวท่านนี้เล่า กล่าวคือเสนา
บรมกระษัตริย์ ตรัสมีบรรชา ให้ยกโยธา ไปปราบภัยพาล
ไม่ทันถึงที่ เห็นแต่ผงคลี รอยพลทวยหาญ
ฝ่ายข้างเขามา ล่าทัพลนลาน หนีคลาดจากสถาน ดุจดังพฤฒา
ไม่ทันจะไป ร้องว่าทางไกล กลัวภัยพยัคฆา
ทข่ยิงยิ่งยวด อวดว่าชะตา ให้คุณข้างหน้า จักได้เป็นดี
เราไม่เชื่อเนตร อย่าหวังสังเกต ว่าจะอยู่ด้วยชี
เฒ่าชูชกเหวย คิดให้ดีดี อันตัวเรานี้ ไม่จีรังการ
เดือนสี่ปีใหม่ หญิงชายสบายใจ ตรุษสาทรสงกรานต์
ประชุมที่โรง มหรสพทุกสถาน สามราตรีกาล เล่นรำต่างกัน
กูจักแต่งแง่ นุ่งห่มล้วนแพร ถอนไรสามชั้น
แป้งผัดผิวหน้า ทาน้ำมันจันท์ กลิ่นเกสรกลั่น รสเร้าเอาใจ
จะคบพวกเพื่อน ลอดลงแต่เรือน เมินมุ่งแลไป
เห็นเหล่าบ่าวบ่าว ประชุมอยู่ที่ไหน กูจักเข้าไป ฬ่อชายใช้กระบวน
ให้หมู่บ่าวแพละ เออทีนั้นแหละ พราหมณ์เอ๋ยจะขวน
หัวอกชกเกล้า ออเฒ่าจะกวน ใจตายเมื่อชวน ชายเชยกลกาม
ชีชูชกเฒ่า ได้ฟังเมียสาว ดังไฟเลียลาม
น้ำตาไหลลง พิศวงด้วยความ รักเมียรูปงาม รับว่าจะไป
เจ้าแต่งเสบียง จะพูดถุ้งเถียง ให้ยืดยาวไย
ขอนอนสักคืน ตื่นเช้าจะไป ปลอบโลมแล้วให้ เมียทำขนม
สะตูข้าวตาก จัดแจงจงมาก กินในไพรพนม
ส่วนปากปราศรัย น้ำใจปรารมภ์ รักเมียเสียชม รุ่งเช้าจักไกล
นางอมิตดา ได้ฟังวัจนา ผัวเฒ่าปราศรัย
เพราะเสียมิได้ จำแต่งให้ไป คิดแล้วทันใด เร่งรัดจัดหา
ข้าวเหนียวข้าวเจ้า น้ำตาลมะพร้าว เนยนมเอามา
ทำเป็นกระสาย ข้าวเม่าถั่วงา ข้าวตอกตำทา น้ำอ้อยเจือจาน
เอาฟองไข่เป็ด ปนแป้งทำเสร็จ ผิงไฟเป็นถ่าน
ชื่อขนมฝาหรั่ง ทั้งมันทั้งหวาน ทสกรคุลีการ โรยงาขนมเปีย
สะตูก้อนผง ข้าวถั่วยี่สง ประจงทำเยีย
กินในไพรพฤกษ์ สำนึกถึงเมีย ลำดับสรรพเสีย เสร็จแล้วครั้นครัน
สมุกเหล็กไฟ มีดหมากกรรไตร เหล็กแขวะตะบัน
ลำดับใส่ย่าม แล้ววางให้พลัน หยิบน้ำเต้าครัน เอาน้ำเทใส่
ครั้นเช้าเจ้ายก ส่งให้ชูชก เอาไปกินไพร
แล้วกล่าวกรรแสง แกล้งทำอาลัย ว่าเชิญท่านไป อย่าช้ากลับมา
ชูชกรับย่าม เห็นเรือนรุ่มร่าม รุงรังนักหนา
วางย่ามลงไว้ จับขวานเข้าป่า ตัดไม้ได้มา ถึงเรือนจัดการ
ตอหม้อจ่อจด ผลัดใหม่ใส่หมด แทนที่หักราน
ที่ไหนคร่ำคร่า เอามาค้ำตร้าน ฝาร่องช่องชาน ชุนชักแซมใส่
เสร็จแล้วไม่แช ตะแกเที่ยวแล ในครัวเตาไฟ
จับกะออมปากหุน วางถลุนลงไป ถึงท่าตักได้ น้ำท่าเอามา
เทใส่ตุ่มไห หม้อน้อยหม้อแกงใหญ่ โอ่งอ่างเต็มบ่า
ให้เมียสาวกิน กว่าจักกลับมา แล้วพราหมณ์พฤฒา โลมลาเภ่ สั่ง
ว่าดูราเจ้า คอยอยู่แต่เหย้า ระมัดระวัง
แม้นใครมาหา อย่าชวนให้นั่ง พูดเหลือเชื่อฟัง พลาดพลั้งเสียตัว
อันเป็นกระสัตรี แม้นจักได้ดี เพราะรู้รักผัว
ตามสัจสุจริต อย่าคิดให้มัว รู้รักษาตัว เพราะความคิดอ่าน
ต่อตั้งกตัญญู กัตเวทีรู้ ตอบแทนอุปการ
อย่าได้ลอบลัก ประเวณีสงสาร ถึงช้าถึงนาน อย่าคิดจิตเบา
อีพวกพราหมณี ทั้งย่านบ้านนี้ มันเคียดกับเรา
ยุยงเย้ยเยาะ อย่าเชื่อคำเขา ความใครอย่าเอา มาเก็บเจรจา
อย่าได้เอารู ปิดปากประตูอยู่ ในเหย้าเถิดหนา
น้ำท่าอย่าตัก ฟืนผักอย่าหา กินแต่ที่ข้า ทำไว้ให้นาง
สั่งพลางชูชก น้ำตาไหลตก โซมซาบอาบคาง
จับย่ามเสบียง เหวี่ยงขึ้นบ่าพลาง จับพัดเหน็บข้าง ย่างไปย่างมา
จับจองไม้เท้า บ่าคอนน้ำเต้า ลงแต่เคหา
แล้วทำประทักษิณ นางอมิตดา ออกจากคามา กลับหน้าแลไป
ไม่เห็นนางอมิตดา เฒ่าชราน้ำตาไหล
เดินทางพลางร่ำไร ไต่เต้าตามมรรคา
ด้นดั้นบรรลุถึง เชตุดรแดนพารา
เห็นหมู่ชาวชนา สัญจรเที่ยวทางมาไป
บ้างนั่งยังร่มรุกข์ ประชุมกันเข้าอาศรัย
พราหมณ์เดินเมินมุ่งใจ จะถามถึงพญาชี
ศรีนเรศเวสสันดร อันชาวนครเขาขับหนี
ออกจากกรุงสีพี ไปทรงพรตจรรยา
ฝูงชนชาวนคร เชตุดรฟังวาจา
กริ้วโกรธกรูกันด่า ว่าอลัชชีมิรู้อาย
ไม่ทำซึ่งการงาน เที่ยวขอทานกินสบาย
ถามไถ่ถึงเจ้านาย ของเราไซร้นี่กระไรหนอ
พวกพราหมณ์หมู่ทลิท รุ่งขึ้นคิดแต่จะขอ
ทานให้ยังไม่พอ มาติดตามข้อลามลวน
ถึงองค์หน่อดิลก เหล่ากระยาจกจะมากวน
ว่าพลางทางก็ชวน กันไล่ล้อมสกัดพราหมณ์
จับไม้ค้อนก้อนอิฐ วิ่งตามติดไม่เข็ดขาม
กำหมัดคุกคำราม ตามตีถองร้องว่าเอาวา
ชูชกตกใจเร่ วิ่งตะเก้ตะกังมา
ถูกถองร้องว่าอย่า ขยายท่าปิดป้องกัน
ยกไม้เท้าขึ้นง่า ตั้งเป็นท่าตะบองผัน
ตัวรับจับคอยรัน ฟันหาหนทางจะไป
เดินดั้นด่านดงรก ชีชูชกเต็มตกใจ
บุกบ่ามหนามขวากไผ่ คลาดไกลคนด้นดั้นมา
พบทางไปวงกต บรรพตแดนหิมพานป่า
เฒ่าจึงเพียรพยา ไม้เท้างอถ่อกายไป
มาได้หลายวันวาร เลี้ยวลัดด่านพนาลัย
เวทนาเสดสาใจ ไปเกือบใกล้ประตูป่า
โกกาคณาเจต- ตบุตรผู้อยู่รักษา
สุนัขหลายตัวคลา เที่ยวลอดลัดหาสัตว์ไพร
ดำด่างแดงลายพร้อย บางตัวน้อยลางตัวใหญ่
เหมือนผู้คู่กันไป หางหดสั้นพันหางรี
เที่ยวป่าล่าไล่เนื้อ พบพานสัตว์เข้าคลุกคลี
ขบกัดคาบคั้นคี ว่ามฤคเอาเป็นภักษาร
วันเมื่อพบธชี ชูชกเฒ่าพฤฒาจารย์
ฝูงหมาหมายคิดอ่าน นึกว่าสัตว์สามตีนเดิน
อ้ายระวังอีระไว เล่นไล่กัดตามแนวเนิน
อ้ายสิงวิ่งวางเกิน อีสกัดตรอกออกยืนคอย
อีจูคู่อีแตน แหนดุมสาบซาบดูร้อย
อ้ายหมีอีหมอน้อย วิ่งบุกรกพราหมณ์ตกใจ
ไม่รู้ว่าหมาพราน เฒ่าจัณฑาลว่าหมาใน
เห่าหอนก้องทั้งไพร ดังฮกฮกยกไม้พลาง
อ้ายผ้ามิทันจะแห้ง อ้ายหม้อแกงมิทันจะล้าง
วิ่งลัดสกัดทาง ฉวยฉุดย่ามพราหมณ์ตะพายบ่า
ยื้อยุดฉุดกระชาก ย่ามขาดกรากเข้าตากฉ่า
เฒ่าร้องว่าเอาว้า มาสิ้นหมดจะอดตาย
อ้ายข้องมองกัดแข้ง อีแตงแย่งย่ามฉิบหาย
น้ำเต้าแตกกระจาย ไม้เท้าพลัดจากมือกุม
คว้าจับไม้เท้าง่า ตั้งเป็นท่าย่างสามขุม
ฝูงหมาเขาล้อมกลุ้ม รุมกัดน่องย่องตามเพลง
เงื้อง่าท่าตะบองตี ถูกอ้ายหมีร้องต้ำเป๋ง
อีน้อยง่อยยับเหยง เกรงฤทธีไม้เท้าพราหมณ์
ฝูงหมารุมรอบขบ อ้ายเพาหลบล้มทับยาม
ผุดลุกเล่นซุ่มซ่าม ขึ้นต้นไม้ปะโพรงสูง
พราหมณ์ร้องอยู่อักอาก ไม่ขาดปากสากสากผลุง
สองมือเถารัดพุง ร้องอั้ดอั้ดมัดนอนตะแคง
หมาพรูกรูเขากัด ตีนเฒ่าฉัดหมัดแกว่ง
ศอกเล่าไม้เท้าแกว่ง ถองถีบถูกพระธรณี
อ้ายสิงวิ่งเข้าซ้ำ พราหมณ์จึงรำท่ากระบี่
ไม้เท้าเฒ่าไล่ตี หนีขึ้นไทรไต่โมงเมง
หยุดย่านนิโครธย้อย ห้อยตะติงตะโตงเตง
ถุงย่ามยานโยงเยง น้ำเต้าตกแตกกระจาย
ขึ้นได้ถึงค่าคบ กบกับกิ่งดูของหาย
ถุงขาดตกเรี่ยราย คิดเสียดายสมุกเหล็กไฟ
เหล็กกลามาแต่จีน หินปากนกเล่าเท่าใจ
วางฉาดปราศจากไฟ ไม่เห็นแสงแดงสักที
เสียดายแต่กะบัน ปลอกหวายพันได้สามที
ทำด้วยไผ่สุกศรี ด้ามก็บั่นควั่นออกฦๅ
กว่าจะตำแหลก น้ำหมากแตกแดงทั้งมือ
ของท่านแม่ยายซื้อ ให้เมื่อเลี้ยงด้วยอมิตดา
มีดหมากด้ามไม้ไผ่ ปลอกตะกั่วใส่ส้นอุดงา
ถ้าแม้นจะฝานผ่า หมากดิบร่อยร้นจนงอน
ควรหรือมาพลัดตก มรดกท่านแต่ก่อน
สร้างไว้ให้มารดร ด่รทารเสียด้วยอมิตดา
ดูย่ามที่หมากัด ขัดแค้นใจเป็นนักหนา
ชักเข็มร้อยปะผ้า มาชุนย่ามพราหมณ์เผยคลำ
สตูทั้งข้าวคั่ว ขนมถั่วซึ่งทิ่มตำ
คิดทีธชีร่ำ ร้องไห้รักอมิตดา
ไม่คิดพี่เฒ่าใช้มา ให้ตายในป่า ด้วยสัตว์อันร้ายทรามคะนอง
พยัคฆ์มีหมีหมาร้ายร้อง กินกราบซาบมอง ประหารชีวาคนหลง
ตัวพี่ฤๅจะคืนชีพชง ไปสู่อนงค์ เจ้าสาวแน่งน้อยพนิดา
ชูชกกล่าวเป็นคาถา โกราชบุตา สรรเสริญถึงน้ำพระทัย
แห่งพระปิ่นเกล้าภพไตร จักอุปไมย ดังปัญจะมหานัที
ยมนาวาเจียนวัฎี สรรเสริญภูมี มหึมมหาคงคา
ห้าแถวแนวน้ำไหลมา เป็นที่อ้างอา- ศัยหมู่นรานิกร
ตวงตักวิดวักหากคอน มฤคคณาปักษร ลงอาบสาบสูบดูบกิน
ห่อนแห้งพร่องกระแสสิน ธุเป็นที่ยิน- ดีแก่มัจฉะกัจฉา
จระเข้มังกรเหรา เงือกงูสัตว์ป่า นาคีกุ้งกั้งเบี้ยวปู
อาศรัยในสายสินธู อำมฤตกชู มโนปฏิพัทธ์หรรษา
ดังน้ำพระหัทยา เวสสันตรา อันทรงมหาปรานี
เทพามานุษย์ได้มี มโนยินดี แนะนำลำเนาให้จร
สู่สำนักไท้ในดอน ดงดาลสิงขร สถานสำนักอาศรัย
จักได้กุศลเหลือใจ เมื่อดับจิตไป สู่เทวโลกเมืองแมน
คุณค่ามากพ้นกว่าแสน ไม่มีสิ่งแทน ทดท่านผู้นำมรคา
เจตบุตรมึกค่ลุดพรานป่า อันอยู่รักษา คีรีประตูทวารัง
วงกตบรรพตบรรพตั้ง ตามในรับสั่ง เจตราชทั้งหกหมื่นองค์
ได้ยินเสียงสุนัขยง ส่งเสียงเปรี้ยงดง เห่าไล่ใกล้ใกล้เข้ามา
นายนึกว่ามฤคในป่า วิ่งสกัดหน้า เพื่อเป็นประโยชน์แห่งเรา
คิดแล้วจึงจับคันเกา- ทัณฑ์ย่องย่างเบา ลงนั่งฟังสรรพเสียงหมา
ค่อยมองมุ่งถนัดนัยนา เห็นชูชกา กบกับกิ่งไม้นั่งเจ่า
สุนัขพร้อมเพรียงเสียงเห่า เจตบุตรก็เอา ดอกปืนยกพาดสายพาน
ว่าเฮ้ยอ้ายพราหมณาจารย์ เอ็งอยู่สถาน ที่ใดจึงเซซังมา
สู่ยังหิมเวศประตูป่า ไม่เกรงกลัวอา- นุภาพสีมือแห่งเรา
ผู้เชี่ยวชาญแน่ะธนูเกา- ทัณฑ์จักยิงเอา หัวอกให้ตกลงมาฃ
จักเอาพร้าเชือดแตระผา พื้นภาคอุรา และตัดเอาดวงหทัย
ตับปอดไส้น้อยไส้ใหญ่ ต่อยเอาขมองใส่ พริกขิงกระเทียมคั่วแกง
กายาผ่าปิ้งพะแนง ลำดับสรรพแต่ง เป็นเครื่องสุเพียรมังสา
จะปลูกศาลสูงเพียงบ่า สักการบูชา เทเวศพระไทรสิงสู่
กระดูกเลือดเนื้อเหลืออยู่ ให้สุนัขกรู กันกัดกินเป็นภักษา
ซังล้มซังตายเข้ามา จิตมุ่งเมินหา ธิเบศพระเวสสันดร
อันชาวกรุงไกรไกรธร ขับจากนคร มาสู่วงกตคีรี
ด้วยองค์อัคเรศมัทรี ทั้งพระชาลี ศรีรัตนแก้วกัณหา
ไม่มีพิพัฒน์โภคา พราหมณ์เอ่ยตามมา จะขออะไรเล่าที่ไหน
ชีชูชกฟังตกใจ คิดจักแก้ไข ในคำเจตบุตรถามมา
จึงพร้องประพฤทธิวาจา ดูก่อนพรานป่า ท่านหรือซึ่งเป็นนายด่าน
ไยไม่พิเคราะห์ดูการ มากล่าวคำพาล ให้ผิดด้วยพระกิจจา
ธรรมเนียมข้าท้าวบ่าวพญา ให้อยู่รักษา ทวารังระวังดงดาน
พึงให้รู้จักประมาณ เมื่อมีเหตุการณ์ สุกิจทุกกิจไปมา
ควรหรือไม่ไถ่ถามหา อวดอ้างเข่นฆ่า กล้าดียิงมาเถิดนาย
ตวเราแม้นมาดว่าตาย ห่อนฤๅหายลาย เล่พยัคฆ์ตกวาริน
กิติศัพท์ฦๅทั่วธรณิน รู้ถึงภูมินทร์ กรุงศรีสญชัยอิศรา
จักให้สืบสวนพิจารณา เอาผู้เข่นฆ่า ชีพราหมณ์ผู้ถือรับสั่ง
เจตบุตรมึกค่ลุดได้ฟัง จึงตอบวัจนัง ว่าดูราพราหมณ์มุสา
เอ็งเล่าแก่เฒ่าชรา อายุสังขาร์ ไม่สมจะใช้การไกล
ว่าเป็นทูตท้าวสญชัย ใช้ให้ไปไหน จึงตะเก้ตะกังซังมา
หนุ่มหนุ่มข้าทูลใต้ฝ่า ธุลีบาทา ไยไม่ให้ถือสารัง
จึงให้ชีเฒ่าซอกซัง มานี่เพื่อหวัง ประโยชน์ด้วยสิ่งอันใด
พราหมณ์เฒ่าเจ้าเล่ห์ตอบไป คนอื่นที่ไหน แต่หมู่รังเกียจริษยา
ยุยงให้ขับบัพพา ท้าวเธอปรึกษา จักใช้เห็นไม่ได้การ
จึงให้ผู้เฒ่าอาจารย์ ควรถือสื่อสาร ชอบชิดพระบาทออกมา
เชิญให้คืนครองพารา ศรีภิรมยา พิชัยเชตุดังก่อน
พรานพฤฒิตริตรึกกลาวกลอน มีศุภอักษร บัตรตรามาว่าประการใด
ชูชกบอกว่าตราไซร้ กระบอกอยู่ใน ย่ามเราจะค่อยให้ดู
เดชะโพธิญาณเกื้อชู เพื่อจักให้สู่ ปัญจะมหาทานา
จึงพรานเชื่อถ้อยวาจา ชูชกมุสา ว่ากล่าวราวเรื่องเปลื้องตัว
เจตบุตรฟังพลางแย้มหัวว ว่าตาอย่ากลัว ลงมาจะสนทนากัน
ว่าพลางเจตบุตรก็ผัน เอาเถาวัลย์พัน ผูกหมู่สุนัขไว้แข็ง
จึงว่าตาชีจัดแจง ลงมาอย่าแฝง แล้วเราจะแนะทางจร
ชูชกไต่ต้นตามผ่อน กุมย่านไทรย้อน ถุงย่ามน้ำเต้าลงมา
จึงกล่าวเป็นกลมารยา ว่าเว้ยพรานป่า ท่านจงรับรองให้ดี
กลักงาใส่ตราราชสีห์ พรานรับย่ามชี วางราบแล้วกราบสามครา
แกคิดว่าสมน้ำหน้า มันด่ากูกล้า อ้ายหน้าบ้านนอกหลอกกู
ต้องกราบกลักพริกคุดคู้ เฒ่ายิ้มถึงหู เสียรู้พ่อแล้วเจตบุตร
พราหมณ์จึงจับกิ่งไทรยุด ลงมายืนหยุด อยู่ยังภาคพื้นธรณี
เจตบุตรเอาใบพฤกษี ปูลงทันที เชิญพราหมณ์นั่งสั่งสนทนา
ชูชกเจ็ดสิบเก้าคาถา เป็นเรื่องเนื่องมา จบนิถิตาบัพพัง